วันเสาร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ธรรมะจากภาคทิพย์ตอนที่20

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
.
#โครงสร้างของร่างกาย มีส่วนประกอบคือ
(1)จิตใหม่คือ จิตที่ถอดออกมาจากจิตหลัก ขนาดเม็ดถั่วเขียว
อยู่ที่สมอง ที่ยังหลงผิด คิดว่ากายเนื้อคือตัวตนเจ้า [ กายหยาบ ]
(2)ร่างกายเจ้า คือ กำแพงแก้ว[ กายใน ]+รั้วไม้ประดับ [ กายเนื้อ ]
(3)กายใน คือ กำแพงแก้ว [ ร่างอากาศธาตุ หน้าตาเหมือนร่างกายเนื้อ ]
ที่เป็นกระจกใส-ที่มองออกไปนอกรั้วกำแพงได้
(4)กายเนื้อ คือ รั้วไม้ประดับนอกกำแพงบ้าน สวยงาม-ขี้เหล่ ตามแรงบุญ
(5)ลำตัวเจ้า คือ บ้านมีชาน มีห้องผลึกแก้ว 1 ห้อง กลางบ้าน
(6)กายเก่า คือสัญญากรรมเจ้า มีเป็นสิบ-เป็นร้อยตัว นอนเล่นที่ชานบ้าน
คือตัวเจ้าเอง ที่เคยเกิดในแต่ละชาติ คน เทวดา เปรต พรหม นาคราช ฯลฯ
บางคนมีแสงสว่างออกจากตัว บางคนมีผิวกายที่สะอาด
บางคนมีสีต่างๆที่ตัว บางคนเนื้อตัวมอมแมม สกปรก หรือมี หมา แมว ฯลฯ
(7)จิตเดิมคือ ห้องผลึกแก้ว กลางบ้าน มีพ่อ-แม่เจ้าอยู่ในห้องผลึกแก้ว
นั่นคือ พระพุทธเจ้า กับ พระแม่ธรณี ที่ต่อสายจิตลงมา
เมื่อเจ้าคิดถึงพระพุทธองค์ และพระราชมารดา
(8)เจ้ากรรม คือ คู่กรณีของกายเก่า แต่ละตัว
รอเจอคู่กรณีกายเก่า คู่ใคร คู่มัน อยู่นอกกำแพงบ้าน
(9)นายเวร คือ พัศดีเจ้าหน้าที่ควบคุมความประพฤติ สามารถเข้าไป
ข้างในบ้านได้ เพื่อตรวจเวร-ควบคุมความประพฤติ กายเก่าบางตัว
.
#กลไกการทำงานของแรงกรรม [ กายเก่าคือ ร่างสัญญากรรม ]
(1)กายเก่าของเจ้า จะพาเจ้า ออกเที่ยวนอกบ้าน นอกรั้วบ้าน
แต่เดินตามหลังเจ้า พูดคุยให้เจ้าได้ยินด้วยความคิด ที่หัวสมองเจ้า
เจ้าจะได้ยินตลอดเวลา ทั้งวัน ทั้งคืน มีสาระบ้าง ไร้สาระส่วนใหญ่
(2)กายเก่า จะพาเจ้าเดิน ขับรถ ไปหาคนนั้น ไปหาคนนี้ พูดกับคนนั้น
คุยกับคนนี้ เป็นเสียง หรือเป็นภาพในหัวสมองเจ้า แล้วเจ้าก็จะพูดตาม
เสียง[ ความคิด ] ที่เจ้าได้ยิน หรือภาพที่เจ้าเห็นในสมอง
(3)กายเก่าบางตัว พาเจ้าไปหาใครก็ไม่รู้ แค่เห็นก็รู้สึกรัก
ทั้งๆที่หน้าตาก็ไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมคิดถึงจัง จนต้องพาตัวเข้าใกล้ชิด
จนจิตใหม่หลงรัก ไปกับกายเก่า (ที่อยู่ข้างหลัง) ไปด้วย
แต่สุดท้ายผู้ชายคนนั้น หลังจากฟันเจ้าแล้ว ค่อยๆหนีหน้าเจ้าตลอดเวลา
เจ้าก็คิดถึงๆผู้ชายคนนั้น จนถูกทิ้งถาวร กายเก่าตัวนั้น ก็หายตัวไปแล้ว
[ สัญญากรรมล้างหมดแล้ว ] แต่จิตใหม่รักและคิดถึงชายคนนั้นมาก
จึงเอาความรัก-ความคิดถึง ไประบายเป็นสีที่กำแพงรั้วบ้าน จนสกปรก
[บันทึกสัญญากรรมใหม่ ลงที่กายในใหม่ ]
(4)กายเก่าอีกตัว พาเจ้าออกนอกบ้าน เดินข้างหลังเจ้า(ร่างอากาศ)
ไปเจอคนๆหนึ่ง อยู่ๆคนๆนั้นก็เข้ามาหาเรื่อง มาด่า จะเข้ามาทำร้าย
[ มีร่างเงาเจ้ากรรม คู่กรณีกายเก่าเจ้า อยู่ข้างหลังชายคนนั้น ]
เจ้าก็สวนหมัดโครม จนทะเลาะกันขึ้นโรงขึ้นศาล ร่างเนื้อทั้งสองร่าง
แต่ร่างอากาศธาตุ คู่กรณีทั้ง กายเก่าเจ้า และร่างเงาของเขาหายไปแล้ว
ร่างสัญญากรรมทั้งสองถูกล้างแล้ว แต่กายในใหม่+จิตใหม่ทั้งคู่
ได้บันทึกสัญญากรรมลงในกายในใหม่ ทั้งสองคน เป็นสิ่งสกปรก
ที่ไปป้ายทาไว้ที่กำแพงแก้ว เรียบร้อยแล้ว ส่งต่อ*ร่างสัญญากรรม*
.
(1)การไม่มีสติ คือ กายเก่า[ สัญญากรรม ] พาจิตใหม่
ออกไปเที่ยวนอกกำแพงบ้าน [ นอกร่างกาย ] ด้วยความคิด
และกายเก่าออกไปจริง เดินตามหลังกายเนื้อเจ้า
และมีเชือกผูก*จิตใหม่* เชื่อมต่อกับ*ห้องผลึกแก้ว"จิตเดิมเอาไว้
(2)ทุกครั้งที่เจ้าท่อง*พุทโธ* ๆๆๆๆๆๆ ลอยๆ รัวๆ ในใจ
จิตเดิมจะกระตุกเชือกดึงจิตใหม่ กลับเข้าบ้านทันที ความคิดจะหายไป
(3)พอเจ้าลืม*พุทโธ*กายเก่าก็พาจิตใหม่ ออกนอกบ้านเหมือนเดิม
(4)ถ้าเจ้าท่อง*พุทโธ*ๆๆๆ ลอยๆ รัวๆ ได้ตลอดทั้งวัน-ทั้งคืนนั่นคือ*มหาสติ*
(5)ถ้าเจ้าท่อง*พุทโธ*ท่องบ้าง-ลืมบ้าง คือสติชั่วคราว(ขนิกกะสมาธิ)
(6)ถ้าเจ้านั่งสมาธิ หลับตา นั่นคือ จิตใหม่จะเข้าไปในห้องผลึกแก้ว(จิตเดิม)
มองไม่เห็นอะไร คือ #สมถกรรมฐาน จะเกิดแสงสว่างที่ห้องผลึกแก้ว
กระจายผ่านชานบ้าน ที่กายเก่าเจ้าอยู่ และทะลุกำแพงแก้ว ออกนอกบ้าน
ไปถึงเจ้ากรรมทั้งหลาย ที่เป็นร่างวิญญานที่ยังไม่ได้เกิด รับแสงนั้นด้วย
ล้างสัญญากรรม ที่มีลักษณะเป็นเงาดำ จนหายไปในที่สุด
(7)ถ้าเจ้านั่งสมาธิ (สมถกรรมฐาน)จนจิตนิ่งอยู่ตัวแล้ว แล้วลืมตา
มองเห็นรอบๆตัวเจ้า นั่นคือ #วิปัสสนากรรมฐาน เจ้าจะเห็นทุกอย่าง
ด้วยตาเนื้อ แต่ที่หัวสมองเจ้า ไม่มีความคิดใดๆเลย แต่รู้ทุกสิ่งที่เจ้าเห็น
เรียกว่า #วิปัสสนาญาน
(8)เมื่อเจ้าเพ่งมองไปที่รั้วไม้ประดับ ซึ่งคือกายเนื้อเจ้า แล้วเห็นตับ ไต
ใส้ พุงตัวเองทั้งหมด โดยที่หัวสมองเจ้าไม่มีการคิด แต่จะมีเสียงคุยกับเจ้า
ในจิต อธิบายสิ่งต่างๆที่เจ้าเห็น ที่เกิดจากจิตเดิม(ห้องผลึกแก้ว)คุยกับเจ้า
นี่คือ #อริยะปัญญา
(9)หากเจ้านั่งสมาธิ แต่ยังไม่เห็นอะไร แต่ที่หัวเจ้าคิดว่า ผม ขน เล็บ ฟัน
หนัง [ เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ ] ตามที่เคยถูกสอนมาว่าให้พิจารณา
ร่างกาย แสดงว่า จิตใหม่เจ้าออกจากห้องผลึกแก้ว ไปนอกตัวตามจิตใหม่เจ้า
จินตนาการ นั่นคือ #วิปัสสะนึก ไม่ใช่ #วิปัสสนา เพราะวิปัสสนาจะไม่มี
การคิด แต่เจ้าจะเห็นด้วยตาในเจ้า และมีเสียงพูดออกมาจากในจิตเจ้า
(10)หากเจ้าเดินจงกรม ในหัวเจ้าจะต้องไม่มีความคิด มีแต่คำว่า พุทโธๆๆ
ทุกสิ่งที่เจ้ากำลังมองเห็น นั่นคือ #ญานทัศนะ
(11)หากเจ้าเดินจงกรม แล้วจู่ๆเจ้ากลับเห็นร่างกายเจ้า มี 2 คนเห็นตัวเอง
กำลังเดินจงกรมอยู่ แสดงว่า กายเก่าเจ้า พาจิตใหม่เจ้า
ถอดออกจากกายเนื้อ มาเป็นอีกร่าง เห็นกายเนื้อเจ้ากำลังเดินจงกรม
ตามปกติ เพราะถูกควบคุมด้วยจิตเดิม นั่นคือ #อริยะปัญญา
(12)ถ้าเจ้านั่งสมาธิ หลับตา จนกำแพงแก้ว ถอยตัวห่างจาก รั้วไม้ประดับ
แสดงว่า กายใน แยกจาก กายเนื้อแล้ว นั่นคือ #ฌาน4 รอกายเก่าพา
จิตใหม่เจ้า ท่องมิติทิพย์ จิตเดิมอยู่เฝ้ารักษากายเนื้อ
(12)กายเก่าที่เป็นเทวดา จะพาจิตใหม่เจ้าเที่ยวแดนสวรรค์ หรือภพนาคราช
(13)กายเก่าที่เป็นพรหม จะพาเจ้าเที่ยวแดนพรหม ที่มีแสงสว่างสวยงาม
นั่นคือ #ฌาน6 หรือ #วิญญานัญจายะตะนะ
(14)จะเป็นกายเทวดา หรือกายพรหม สอนจิตใหม่เจ้าให้เดินจงกรม
ในมิติทิพย์ นั่นคือ #ฌาน7 หรือ #อากิญจัญญายะตะนะ
(15)ถ้าจิตใหม่เจ้า เข้าไปในห้องผลึกแก้ว นอนหนุนตักแม่เจ้า ฟังเสียง
แม่เจ้ากล่อม จับมือแม่เจ้าที่แสนอบอุ่น แต่ยังรู้สึกตัวอยู่ นั่นคือ
#ฌาน8 หรือ #เนวะสัญญานา_สัญญายะตะนะ ครึ่งหลับ-ครึ่งตื่น
(16)หากเจ้าหลับคาตักแม่เจ้า ไม่รู้สึกตัว แต่แสนอบอุ่นมีความสุขมาก
นั่นคือ #นิโรทสมาบัติ หรือ #สัญญาเวทยิทนิโรท(ดับความจำ-ดับความรู้สึก)
(17)ตั้งแต่ฌาน5 จนถึง นิโรทสมาบัติ จะไม่มีการเรียงตามลำดับ
จากฌาน4 กระโดดไปฌาน ไหนๆได้เลย ไม่เหมือนฌาน1 จนถึงฌาน4
.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น