วันจันทร์ที่ 20 มีนาคม พ.ศ. 2560

โลกกำลังวิกฤตเพราะจิตมนุษย์กำลังป่วย

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ
พี่ๆน้องๆที่รักแห่งเราทั้งหลาย
เรายังมีความจริงจะกล่าวต่อท่านทั้งหลายอยู่อีกว่า
การที่จิตวิญญาณของท่านขันอาสามาเกิดนั้น
ก็เพื่อมาทำหน้าที่ทั้งทางโลกและทางจิตวิญญาณ
ด้วยเครื่องมือสำคัญรวมสามชิ้นด้วยกัน คือ
1.ใช้เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์หรือกายหยาบ
เป็นเครื่องมือในการทำหน้าที่ทางโลกด้านกายภาพ
อันประกอบด้วยกลไกอายตนะภายนอกทั้งห้า
คือ ตา หู จมูก ปากหรือลิ้น กายสัมผัส
มือ เท้า และสมรรถนะของสมองทั้งสองซีก
2.ใช้จิตหยาบหรือจิตมนุษย์เป็นตัวขับเคลื่อน
เครื่องยนต์แห่งกรรมรูปธรรมมนุษย์อีกทอดหนึ่ง
เพื่อให้เกิดการกระทำใดๆในมิติโลกตามข้อ 1 นั่น
ตามที่พระพุทธองค์ทรงกล่าวไว้ว่า
"จิตเป็นนาย กายเป็นบ่าว" นั่นแหละนะ
โดยที่มนุษย์แต่ละคนมีหน้าที่สั่นสะเทือนจิตหยาบ
กับเครื่องยนต์แห่งกรรมของตนร่วมกันทางด้านบวก
ด้วยการสั่นสะเทือนเป็นความรักความเมตตา
ต่อตนเอง เพื่อนมนุษย์ และสรรพสัตว์ทั้งหลาย
โดยใช้ "จิต" กับ "สมองสองซีก" ขับเคลื่อนพฤติกรรม
เมื่อท่านสัมผัสรู้ดูเห็นสิ่งใดด้วยอายตนะภายนอก
จิตหยาบหรือจิตมนุษย์ของท่านก็จะทำหน้าที่ "นึก"
เพื่อโปรแกรมให้สมองของท่าน "คิด" ในสิ่งที่นึกนั่น
ถ้าเป็นการคิดด้วยสมองซีกซ้ายนำขวา
ก็จะเรียกกระบวนการคิดนั้นว่า "คิดวิเคราะห์"
แต่ถ้าเป็นการคิดด้วยสมองซีกขวานำซ้าย
ก็จะเรียกกระบวนการคิดนั้นว่า "คิดสังเคราะห์"
ส่วนตอนไหนจะคิดแบบไหนในสองแบบนี้นั้น
"จิต" ของท่านจะเป็นผู้กำหนดเองทั้งสิ้น
โดยการนึกของจิตเพื่อโปรแกรมสมองให้คิดนั้น
จิตของท่านจะมีคุณสมบัติในการนึก รวม 3 แบบ คือ
(1) นึกได้
(2) นึกเอา
(3) นึกเอง
ซึ่งท่านต้องฝึกฝนตนเองในการนึกทั้งสามแบบ
ให้มันเป็นด้านบวก คือ ถูกต้องเหมาะสมดีงามเท่านั้น
เพื่อที่จะโปรแกรมสมองของท่าน
ให้มันคิดบวกหรือคิดดี
ให้มันคิดแต่สิ่งที่ถูกต้อง
ไปตามการนึกของจิตของท่านเท่านั้น
ซึ่งมันจะช่วยให้ท่านประพฤติดีและทำแต่สิ่งที่ถูกต้อง
พระบิดาทรงเรียกกระบวนการสั่นสะเทือน
ของจิตกับสมอง หรือ "จิตตปัญญา"
ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนกายสังขารของมนุษย์ว่า
การสั่นสะเทือนทาง "จิต 3 นึก"
ถ้าท่านนึกลบนึกชั่ว
มันก็จะไปสั่นสะเทือนสมองให้คิดลบคิดชั่ว
จนเกิดเป็นกายกรรมวจีกรรมที่ผิดบาปต่อผู้อื่นได้
พฤติกรรมขยะเหล่านี้ถือว่าเกิดจาก "จิตไร้สำนึก"
ถ้าท่านนึกบวกนึกดี
มันก็จะไปสั่นสะเทือนสมองให้คิดบวกคิดดี
จนเกิดเป็นกายกรรมวจีกรรมที่ดีงามต่อผู้อื่นได้
พฤติกรรมดีงามนี้ก็ถือว่าเกิดจาก "จิตรู้สำนึก"
ท่านจักต้องรู้เอาไว้ว่ามนุษย์เป็นคน 2 มิติ
เพราะยังต้องทำหน้าที่ทางจิตวิญญาณด้วย
ท่านจึงต้องใช้พลังอำนาจทางวิญญาณ
ทำหน้าที่ในมิติทางพลังงานด้านของแก่นแท้
ควบคู่กันไปกับการกระทำทางกายภาพ
ด้วยจิตสาม (สำ) นึกดังที่เรากล่าวมาข้างต้นด้วย
ดังนั้น
ขณะที่ท่านสั่นสะเทือน "จิตสามนึก"
เกิดเป็นอารมณ์รู้สึกนึกคิดด้านวกหรือด้านลบ
ในมิติของเครื่องยนต์แห่งกรรมหรือกายสังขารนั้น
จิตวิญญาณของท่านก็จะสั่นสะเทือนตามทันที
ซึ่งส่วนที่ใช้สั่นสะเทือนตามก็คือ "จิตใต้สำนึก"
เพราะ "จิตใต้สำนึก" หรือ เมอร์คขะบาห์
ถูกกำหนดให้ทำหน้าที่เป็นเครื่องมือของ "จิตสำนึก"
ไม่ว่าจิตสำนึกจะสั่นสะเทือนเป็นดีหรือชั่ว
จิตใต้สำนึกก็จะสั่นสะเทือนไปตามนั้นเสมอ
เพราะจิตใต้สำนึกคิดเองไม่เป็นเห็นเองไม่ได้
มีหน้าที่สั่นสะเทือนตามจิตสำนึกเท่านั้น
การก่อกรรมทำเวรในมิติทางจิตวิญญาณ
การสื่อสารทางจิตในมิติแห่งจิต
ล้วนเกิดได้เป็นจริงได้ก็ด้วยกระบวนการที่ว่านี้นั่นเอง
ตอนต่อไปเรายังมีนัยสำคัญจะมากล่าวต่อท่านอีก
ใครปรารถนาจะเรียนรู้ต่อก็กรุณาชูมือขึ้นอีกครั้ง
เราจะรีบมากล่าวให้ท่านฟัง
ใครมีข้อใดไม่เข้าใจให้ถามเราเข้ามาได้
ถามด้วยจิตคารวะ
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
26-06-2016

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น