@ ความสุข..ไม่ได้ขึ้นอยู่กับ "ความมี" แต่อยู่ที่ เราค้นพบว่า..
*อะไร..คือ แก่นแท้ของชีวิต แล้วอยู่กับสิ่งนั้น..
ด้วย *ความรัก.. คนนั้น.ก็คือ คนมีความสุข...
@ คนจะดี...ไม่ใช่ดีที่ชาติตระกูล
*ไม่ใช่ดี...เพราะมีสมบัติ *ไม่ใช่ดี...เพราะการแต่งกาย
แต่คนจะดีได้...เพราะการกระทำ
@ คนเราเลือกเกิดไม่ได้...แต่เลือกที่จะทำดีได้ "...
@ อย่าเป็น “คนรวย - คนเก่ง” ที่แล้งน้ำใจ ควรเป็น..
“คนธรรมดา” ทั่วไป ที่มี “น้ำใจ” และ “ไม่เห็นแก่ตัว
@ อย่าให้..เงินของคุณ ปิดหู ปิดตา
*จนลืม..ความมี น้ำใจ.. ของคุณเอง
@ เกิดเป็นคน อย่าดูถูกใคร *สูงได้ ก็ ต่ำได้
*ชีวิต..ไม่มีอะไรแน่นอน
@อย่าเหยียบย่ำ ดูถูกคนอื่น.. เพราะคุณไม่มีวันรู้หรอกว่า..
*จะถึงเวลาของคุณ ตกต่ำบ้าง เมื่อไหร่...
@*งาน..ที่ทำแล้วพอใจที่สุด. คือ การช่วยเหลือผู้อื่น...
*ความสุข...ที่สุด คือ การให้...
@*ใคร..มีความพอได้ *คนนั้น..ก็จะมี ความสุขได้
*พอจริง ก็สุขจริง... *พอได้มาก ก็สุขได้มาก...
@*คนจน..แต่ “เอื้อเฟื้อ” ย่อมมีประโยชน์กว่า *คนรวย แต่ “ตระหนี่"
เหมือนบ่อน้ำเล็กๆ ดีกว่า มหาสมุทร...
@*ดี หรือ *ชั่ว อยู่ที่ ตัวทำ... *สูง หรือ *ต่ำ อยู่ที่ ทำตัว...
@ 心好行好,命能改好。
*ใจงาม...ทำดี *ชีวิต...จะต้องได้ดี...สวรรค์รับรู้
@ *เมตตา เหนือกว่า ความรัก *เมตตา เหนือกว่า การให้
*เมตตา เหนือกว่า "ความดี"
เพราะในความเมตตานั้น อภัย..ให้ได้แม้นศัตรูที่...
*พระพุทธองค์ ให้รักษาศีล ปาณาติปาตา เว้นจากการเบียดเบียนชีวิต
ธาตุไม้ในตัวคน เมตตา ล้วนเป็นสิ่งที่สงบเยือกเย็น เป็นผู้ให้โดย
ปราศจากข้อผูกมัดใด ๆ ทั้งสิ้น เมตตาที่แท้จริง จึงประกอบ
ไปด้วย ลักษณะ 4 ประการ คือ ::
- 1. ไม่มีเงื่อนไขผูกมัดใด ๆ จะเป็นญาติหรือคนที่รักหรือชังล้วนได้รับความเมตตา
- 2. ไม่มีเวลาจำกัดไม่ว่าจะตายไปแล้ว หรือ ล่วงไปนานเท่าใดก็ยังเมตตา
- 3. ไม่ต้องการค่าตอบแทนใด ๆ ทั้งสิ้น แม้เมตตาแล้วจะได้รับผลเลวร้ายก็ยังคงเมตตา
- 4. ไม่เลือกชนชั้นวรรณะ ไม่ว่าจะอยู่ในฐานะสูง ต่ำต้อย ยากไร้อย่างไรก็ได้รับความเมตตา เท่าเทียมกัน.
*** ธรรมะสุขใจ ***
*ผู้ที่ให้..ของดีเลิศ ให้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ปรารถนาดี
ย่อมเป็นที่รัก ของเทวดา มนุษย์ และอมนุษย์ทั้งหลาย
ทั้งในโลกนี้ และ โลกหน้า ...
*ความเมตตา.. เช่นนี้ จึงมีค่า “ค้ำจุนโลก” ได้และมิได้ทำลายสรรพชีวิตใด ๆ เลย มีแต่ทำให้ชีวิตทั้งปวงเจริญงอกงาม
ดั่งฟ้าดินที่ให้ทุกสิ่งทุกอย่างแก่สรรพสัตว์ ทุกชีวิต โดยไม่ต้องการผลตอบแทน และเงื่อนไขใด ๆ
ทุกชีวิตต่างได้รับอากาศ น้ำ อาศัย บนแผ่นดินเท่าเทียมกัน *เมตตาธรรม จึงนำพา “สันติสุข” ต่อตนเอง และชาวโลก
*ผู้คนที่ขาดเมตตา ย่อมส่งร้ายต่อร่างกาย คนที่ไร้เมตตามักเป็น
คนเจ้าโทสะ โมโหโกรธา ตับจะถูกกระทบกระเทือน
ถ้าตับเสีย
ย่อมส่งผลต่อการกรองของเสีย ออกจากร่างกาย ผู้ที่บำเพ็ญเมตตา
จะกำจัดโทสะได้ ย่อมมีผลต่อร่างกายของผู้นั้น หน้าตาผ่องใสแย้มยิ้ม
และเพื่อรักษาตับ มิให้กระเทือน รสชาติอาหาร จึงควรหลีกเลี่ยง
รสเปรี้ยวจัด คือ การดำรงกาย ด้วยวิถี ทางสายกลาง
เมื่อทั้งกายและจิต อยู่ในเมตตาธรรม จึงมีพลานุภาพต่อ สรรพชีวิตดั่งนี้...ไม่ฆ่า ไม่ฆ่าสิ่งมีชีวิต เพราะเรามีเมตตาธรรมคืนสู่ธาตุไม้
คงความเป็นไม้.. ที่ให้ *ความร่มรื่น... #ธรรมะสุขใจ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น