วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560

๔๕๖..บุญ-บาป-บารมี-อาสวะ-อนุสัย

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ดอกไม้

๔๕๖..บุญ-บาป-บารมี-อาสวะ-อนุสัย
* บุญกิริยา *
  • บุญกิริยา คือการกระทำบุญทางกาย วาจา ใจ เพื่อ ชำระฟอกล้างจิตใจให้บริสุทธิ์จากกิเลสอาสวะทั้งหลาย กรรมที่เป็นส่วนบุญเรียกว่า” กุศลกรรม”เมื่อ กาย วาจา ใจ บริสุทธิ์ ย่อมเป็นเหตุให้เกิดความสุข
  • บาปกิริยาคือการกระทำบาป ทางกาย วาจา ใจ เพื่อสะสมกิเลส กรรมที่เป็นส่วนบาป เรียกว่า “อกุศลกรรม” เมื่อกาย วาจา ใจ สกปรก ย่อมเป็นเหตุให้เกิดความทุกข์

* บารมี *
  • บารมี(ปรมะ) คือ การความดีที่ทำสั่งสม เพื่อผลที่ตั้งอธิษฐานจิตเอาไว้ เช่นทำบารมี๑๐ ทัศน์ เพื่อบรรลุอรหันต์ บารมีคือส่วนดีที่เก็บไว้ พระพุทธเจ้าเป็น ”ภควา” คือพระผู้มีพระบารมีเป็นเยี่ยมยอด


** อาสวะ-อนุสัย **
  • ความชั่วที่กระทำไว้ โลภ โกรธ หลง แม้ดับไปแล้ว แต่ว่ายังทิ้งตะกอนอยู่ในจิตเรียกว่า อาสวะ (หมักหมม) และ อนุสัย (นอนจม) อาสวะอนุสัยเป็นส่วนชั่วที่เก็บไว้

** ลอยบุญลอยบาป **
  • เมื่อกระทำความดี บำเพ็ญบารมีถึงที่สุด ก็ชำระอาสวะกิเลสได้หมดสิ้น สิ้นทั้งดีทั้งชั่ว
  • เมื่อต้นตอของวัฏฏะ คือ อวิชชา ตัณหา ถูกทำลาย กิเลสไม่มี เรียกบุคคลผู้นั้นว่า”พระอรหันต์”เป็นบุคคลที่ลอยบุญลอยบาปได้สำเร็จ กรรมทั้งที่เป็นบุญและบาป ย่อมไม่เกิด ไม่ส่งผลกับท่านต่อไปในอนาคต
  • และทุกสิ่งที่พระอรหันต์ทำ เป็นเพียง”กิริยาจิต” ไม่มีผลเป็นวิบาปต่อไป ดุจไฟไม่มีเชื้อแล้ว ถ้ายังมีชีวิตอยู่ ยังคงรับผลวิบากจากกรรมเก่าเก่าอยู่ เช่นพระโมคคัลลายนะ ถูกทุบจนตาย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น