วันศุกร์ที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เมื่อชายโปรดจิตวิญญาณท่านทูตอเมริกา

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ

เมื่อชายโปรดจิตวิญญาณท่านทูตอเมริกา ...

  • อย่าเพิ่งตกใจว่าเป็นท่านทูตคนปัจจุบันนะครับ ไม่ใช่ แต่เป็นอดีตทูตอเมริกาที่เสียชีวิตไปนานแล้ว พวกเขาจึงเป็นวิญญาณนะครับ 
  • เดิมที ชายคิดจะโปรดเพื่อดึงท่านเข้ามาอยู่ในกองทัพธรรมของชาย ซึ่งชายจะทำสงครามศักดิสิทธิ์เหมือนยุคห้องสิน (ที่มีนาจาอะไรแบบนั้น) 
  • ชายต้องการจิตวิญญาณทูต เพราะอยากเน้นการใช้ยุทธวิธีทางการทูตมากกว่ายุทธวิธีทางการทหาร จึงเลือกที่จะไปโปรดท่านทูตครับ 
  • เดิมที ท่านเป็นเทวดาธรรมดา ไม่ใช่เทพครับ งงไหม? เทวดากับเทพต่างกันยังไง? เทวดาก็คือ ผู้ที่มีบุญไปเกิดในสวรรค์ เสวยบุญเฉยๆ ไม่มีหน้าที่อะไร 
  • แต่เทพคือผู้ที่มีตำแหน่ง และหน้าที่ชัดเจนบนสวรรค์ มีกิจเกี่ยวข้องกับมนุษย์โลกได้นั่นเอง ท่านอาจสร้างคุณความดีบนโลกไว้มาก แต่จิตวิญญาณอาจไม่ได้พัฒนาไปด้วย 
  • เพราะอาจไม่รู้เคล็ดการบำเพ็ญจิต หรือไม่ได้รับการโปรดธรรมจากใครก็ได้ ชายจึงไปโปรดท่าน ครั้งแรกไม่สำเร็จ เพราะกรรมบางอย่างขวางอยู่ 
  • ครั้งที่สองก็สำเร็จ ชายก็เชิญท่านกลับไปรับตำแหน่งจากเจ้าสวรรค์ที่ดูแลท่าน เนื่องจากท่านเป็นเทวดาจะมีเจ้าสวรรค์ดูแล ในสังกัดของท่านอยู่แล้วนั่นเองครับ
  • ครั้งที่สองที่สำเร็จได้เพราะอะไร? เนื่องจาก จิตวิญญาณของท่านมีหลายดวง ดวงหนึ่งยังเป็นปีศาจอยู่ครับ 
  • ดวงที่เป็นปีศาจก็มาเจอเพื่อนของชาย (คนที่มีตาที่สาม) แล้วกำเนิดใหม่จากปีศาจได้เป็นเทวดา ทำให้กรรมที่ขวางทางอีกจิตวิญญาณหนึ่งหมดไป ชายจึงโปรดสำเร็จได้ 
  • และดวงที่เคยเป็นปีศาจก็ได้ฟังธรรมอยู่ใกล้ๆ ด้วยก็สำเร็จเป็นเซียนไปครับ ด้วยดวงที่สำเร็จเป็นเทพคงมีหน้าที่ดูแลบริวารไปแล้ว 
  • ดวงที่เคยเป็นปีศาจจึงหมดภาระและสำเร็จเซียนได้นั่นเอง ซึ่งคุณต้องเข้าใจด้วยว่าธรรมที่เราใช้โปรดภาควิญญาณนี้ ไม่เหมือนกัน 
  • เราไม่ได้โปรดให้ท่านเป็นพระอรหันต์ ไม่ใช่พระแต่เป็นเทพ และไม่ใช่โพธิสัตว์นะครับ ดังนั้น กายทิพย์ท่านจะไม่ถึงขั้นแตกสลายแล้วกำเนิดใหม่ขนาดนั้น 
  • จะเปลี่ยนแปลงบ้างไม่มาก เช่น มีกายสีทอง, มีรัศมีกายสีขาวทองสว่างออกมา เป็นต้น ที่เป็นเช่นนี้ เพราะชายคิดว่าเรายังต้องการกำลังของเทพอีกมากในการช่วยเหลือโลก 
  • จิตวิญญาณของบางท่าน เคยเป็นมนุษย์ทำกิจดีๆ มาก่อน แต่ตายแล้วอาจกลายเป็นแค่ปีศาจ หรือเทวดาธรรมดาจึงทำกิจของเทพไม่ได้ 
  • เมื่อเราโปรดท่านให้เป็นเทพ ก็จะได้ผู้ที่มีความสามารถมาช่วยกิจของสวรรค์ สวรรค์ก็มีกำลังเทพที่เก่งๆ มากยิ่งขึ้น ไม่ใช่แค่เทพที่มีฤทธิ์ด้านการต่อสู้เท่านั้น แต่เทพที่เก่งด้านการทูตก็สำคัญไม่แพ้กัน ดังนั้น ชายจึงเลือกโปรดท่านไงครับ

เทวทูตเหล่านี้ก็ได้รับการทดสอบและไม่กลัวความตายเลยครับ



  • การเป็นทูตนั้นจะรักตัวกลัวตายเสียมิได้เลย หากโดนใครขู่ฆ่าก็กลัวจนหัวหด ยอมเขาหมดทุกอย่างแล้วจะทำหน้าที่ทูตได้อย่างไร? ทูตจะต้องกล้าหาญยิ่งกว่าใคร ยิ่งกว่าแม่ทัพเสียอีก ยอมอุทิศตนเพียงหนึ่งชีวิตเดียวเพื่อสยบสงครามให้ได้ แม้ตายก็ไม่กลัว เพราะคนที่จะตายคนแรกหากสงครามเกิดก็คือทูตนั่นเองครับ วิญญาณท่านทูตทั้งหลายจึงได้รับการทดสอบโดยท่านลิโป้ ซึ่งเป็นมารอยู่ครับ ท่านลิโป้ปรากฎกายขึ้นมา แล้วแตะที่เพื่อนชายเขาก็เกือบกลายเป็นเทพ ชายจึงรู้ว่าท่านเป็นมารมาเพื่อทดสอบธรรม ชายก็เลยเชิญท่านมารลิโป้ทำกิจของท่านคือทดสอบธรรมเถิด จากนั้น จิตวิญญาณทูตทั้งหลายก็ผ่านการทดสอบได้เป็นเทพทั้งหมดครับ


  • ผู้อื่นอาจถือหอกดาบเป็นอาวุธ แต่ทูตจะถือดอกไม้เป็นอาวุธ ทูตจะใช้อาวุธอื่นใดมิได้ เมื่อมีคมหอกคมดาบมาถึงตัว ทูตก็จะกล้าหาญใช้ดอกไม้รับคมหอกคมดาบ พูดแล้วเหมือนโกหกว่าทำได้จริงหรือ? คำตอบคือ ได้แน่นอน ถ้าคุณเข้าใจหลักการทูต แต่ถ้าคุณไม่เข้าใจหลักการทูต คุณก็จะดีแต่ใช้อาวุธเข่นฆ่ากันก็เท่านั้นเอง ทูตนั้นต้องกล้าเผชิญหน้ากับไฟสงครามด้วยมือเปล่า โดยไม่มีอาวุธใดๆ ติดตัว และแม้จะมีเพียงมือเปล่า ก็ต้องไม่กลัวคนที่มีอาวุธครับ การทูตที่ดี ไม่ใช่แค่เอาตัวรอดไปวันๆ แบบนักการเมือง ยอมเสียประโยชน์ของชาติให้เขาไปเพราะความรักตัวกลัวตาย เช่นนั้นไม่ได้เลย


  • คนที่กลัวอาวุธ พอเห็นคนอื่นมีอาวุธ, สะสมอาวุธ, จับอาวุธ ตนเองก็จะทำบ้าง จึงพากันสะสมอาวุธ ซื้ออาวุธใหญ่เลย แท้แล้วพวกเขาก็แค่ "กลัวอาวุธ" หากพวกเขาไม่กลัวอาวุธ ก็จะรู้ว่าอะไรคือการทูตที่แท้จริง ที่ไม่ต้องใช้อาวุธ ใช้มือเปล่า ใช้การเจรจา ในปัญญาในการพิจารณาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ และแสวงหาโอกาส พลิกแพลงเอาตัวรอดตามสถานการณ์ต่างๆ ได้ คนที่จะใช้การทูตได้ดีนั้น จะต้องไม่ใช่คนที่กลัวอาวุธ และเรียกร้องให้มีอาวุธครับ (เช่น การร้องขอให้จัดซื้ออาวุธเพิ่ม)


  • ทูตไม่ใช่ล่าม ไม่ใช่นักแปล หลายคนเข้าใจผิดตรงนี้มากๆ จึงคิดว่าคนจะเป็นทูตได้ต้องเก่งภาษา ต้องแปลภาษาได้ดี ทว่า พวกเขาได้ละเลย "หัวใจของการเป็นทูต" ยังไงครับ? ความกล้าหาญที่จะสู้กับไฟสงครามและคมอาวุธด้วยมือเปล่าไงครับ โดยที่เราจะไม่ยอมหยิบอาวุธโต้ตอบ แต่จะใช้การทูตอย่างแท้จริง ตรงนี้สำคัญมาก คนที่ขี้ขลาด โดนขู่ด้วยความตาย ก็จะยอมเซ็นต์ ยอมทำทุกอย่างตามใจต่างชาติ จนประเทศได้รับความเสียหาย สูญเสีย และถูกเอารัดเอาเปรียบ เหมือนพวกทหารที่ไปเซ็นต์อะไรต่อมิอะไรมากับจีนเอง โดยไม่ผ่านการประชุมและอนุมัติจากรัฐสภาก่อนไงละครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น