วันเสาร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2560

566. อัศจรรย์อภิญญา..หลวงปู่สรวง..ผู้อยู่เหนือกาล

ในภาพอาจจะมี 1 คน

566. อัศจรรย์อภิญญา..หลวงปู่สรวง..ผู้อยู่เหนือกาล
@.. บทที่ห้า @…หลายร่าง ..หลายญาณบารมี
ร่างดาบส(เรียก”ลูกตาเบ๊าะ” )ผู้หนึ่ง ที่นอนอยู่ในโลงแก้ว..ในเวียงของเจ้านโรดม ในเขมร.ลูกชายของเจ้านโรดมกล่าวกับ พระอาจารย์บุญช่วย เขามงคลเทพประสิทธิ์ ลพบุรี ศิษย์หลวงปู่สรวง ที่เข้าไปในพระราชวังเก่าแก่ของเจ้านโรดมสุหนุ ว่า
” นี่คือร่างหนึ่งของ ”หลวงปู่สรวง”.
ลูกชายเจ้านโรดมสุหนุเล่าวว่า หลวงปู่สรวงท่านเป็นเชื้อเจ้ามีความเป็นมาลึกลับพิสดาร
ท่านเป็นคนสร้างเทวาลัยเขาพนมกุเลน เมื่อขึ้นไปจะเห็น หินสลักเป็นสัตว์ต่างๆสี่ตัวคือ วัว ช้าง กิเลน และราชสีห์ การสร้างนี้เล่ากันว่าหลวงปู่สรวงพร้อมทั้งพี่น้องรวมกันสี่คน เรียกว่าสี่พระหน่อไปฝึกวิชากันบนเขาพนมกุเลน
มีหลวงปู่สรวง หลวงปู่รชรัตน์ หลวงปู่พระองค์พรึม และดาบสสะเดิง(หลวงปู่จันตึ๊บ)….. หลวงปู่สรวง ตอนนั้น..คือ กายดาบส หรือ “ลูกตาเบ๊าะ”สำเร็จก่อนใคร ลงจากเขาคนแรกจากนั้นหลวงปู่สรวงไปสร้างพระใหญ่ห่างจากเขาพนมกุเลนไม่ไกล แล้วละสังขาร ทางสำนักพระราชวังรู้จึงอัญเชิญสังขารมาบรรจุโลงแก้ว สังขารนั้นก็หาเน่าเปื่อยเหมือนปุถุชนแต่ค่อยๆแห้งลง...ไม่เน่าเปื่อยแต่อย่างใด (เป็นกายดาบส)
จากนั้นมาท่านประกอบร่างที่สองขึ้นบนเขาภูตะแบง (เป็นกายหลวงปู่สรวง ในรูปปัจจุบัน) ท่านมีน้องชายน้องสาวด้วยทั้งหมดเป็นผู้มีอภิญญา....ในขณะที่อีกสามพระหน่อก็ทยอยกันสำเร็จวิชาเช่นกัน ทุกท่านได้วิชาตายคืน คือตายก็ได้ อยู่ก็ได้ เปลี่ยนร่างไปมาได้
พระอาจารย์ที่มาพบหลวงพ่อบุญช่วย..และพาหลวงพ่อบุญช่วยไปที่วังเจ้านโรดมสีหนุ...ก็คือ พระอาจารย์จันตึ๊บ หนึ่งในสี่ พี่น้องที่ร่ำเรียนด้วยกันมากับหลวงปู่สรวง
และกายสังขารของหลวงปู่สรวง อีกร่างหนึ่ง ที่ทิ้งไว้ในไทย ไว้ที่วัดไพรพัฒนา ศรีษะเกษ นั่นเอง..และกายเนื้อต่อไป หลวงปู่จะ.เล่นแร่แปรธาตุ ประกอบร่างเป็นใคร............?..!..อยู่ที่ไหน....?..ยากนัก..จะรู้ได้..
...หลังจากหลวงป่สรวงละสังขารแล้ว ยังพบ ญาณบารมีหลวงปู่สรวง มาอยู่กับพระภิกษุหลายองค์ แม้แต่ พระสงฆ์อยุ่ที่..จันทบุรี..ก็องค์หนึ่ง...(ตอนนั้นข้าพเจ้าและคณะได้ไปกราบ คนตาดีเห็นภาพหลวงปุ่สรวงในกายพระภิกษุรูปนั้น) ..และตอนนี้..ได้ข่าวมีองค์หนึ่ง..ที่กำลังโด่งดัง มีอุปนิสัย คล้ายคลึงหลวงปู่สรวงมาก.รู้สึกจะอยู่ที่.บ้านตะเคียนราม ศรีสะเกษ.. เมื่อลองได้ขอดูจากภาพแล้ว ..พบมีญาณหลวงปู่สรวงจริง แต่ยังไม่เต็มองค์ ยังไม่เต็ม ๑๐๐… ..บารมีญาณหลักของหลวงปู่ ยังอยู่ในกายสังขารเดิม ที่นอนในโลงวัดไพรพัฒนา ศรีสะเกษ นั่นเอง…
.
**..ในความเห็นส่วนตัว แม้ในกายหยาบที่เสียชีวิตแล้ว จะปราศจากวิญญาณ แต่ยังมี”ปราณ” หรือ “พลังชีวิต” หล่อเลี้ยงอยู่ ปกติคนเรา เมื่อเสียชีวิต ปราณจะรั่วไหลออก ไม่เกิน ๓-๗ วัน ก็หมด แต่สำหรับผู้ที่มีอำนาจตบะจิตที่แก่กล้า ย่อมประสานลมปราณภายนอก ทั้งจักรวาล ฟ้าดินและปราณในเป็นหนึ่งเดียวกัน หลอมรวมสรรพสิ่งเป็นหนึ่งเดียวกัน ย่อมถ่ายเทลมปราณกันได้ จึงทำให้กายสังขารในโลง แลดูดุจมีชีวิต อาจมี ผม ขน เล็บ อาจงอกยาวขึ้นมาเองได้ด้วย เพราะ พลังปราณย่อมหล่อเลี้ยงกายหยาบ..

.** .และดวงจิตที่มีตบะแก่กล้า หรือ มีมหาเมตตาแบบมหาโพธิสัตว์ ย่อมมีพลังแห่งจิต พาจิตวิญญาณ เข้ามาอาศัยในร่างกายคนอื่นได้ ส่วนมากจะเข้าตอนที่คนนั้น ป่วยใกล้ตาย หรือ “ขวัญหา” ทำให้คนใกล้ตายนั้น จะหายป่วย และมีดวงจิตในร่างกาย๒ดวง เพื่อบำเพ็ญบุญบารมี
… ยังมีอีกแบบ คือ เข้าแทรกในกายสังขารเต็ม๑๐๐ (สับเปลี่ยนดวงจิตได้) ให้ดวงจิตคนป่วยออกไปเลย จิตดวงใหม่มาอยู่แทน (เกิดแบบโอปาติกะ) จิตดวงเดิมก็ไปเกิดในภพใหม่ตามกรรม เท่ากับว่า กายเนื้อเดิม แต่มีจิตวิญญาณดวงใหม่ (มีข้อแม้ จิตทั้ง๒ดวง ต้องเคยเป็นจิตเดียวกัน แล้วแบ่งภาคมาก่อน) ดังนั้น จะทำ คนนั้น เหมือนเป็นคนใหม่ มีความคิดไม่ค่อยเหมือนเดิม (แถบทิเบต..นิยมทำ)
... หรือ ถ้ามีคนตายวิญญาณออกจากร่างแล้ว ชั่วขณะนั้น สังขารว่างเปล่า ลมปราณค่อยๆสลาย แต่ปราณยังไม่หมดจากร่างกาย จิตวิญญาณที่มีตบะแก่กล้า จะเข้ามาอยู่แทน หรือ บางทีมาสวมครอบขันธ์ห้าไว้ คล้ายร่างทรง แต่ไม่ใช่ เพราะครอบอยู่ตลอด ใช้วิญญาณบางส่วนมาครอบเท่านั้น
..............(มีต่อ บทที่ หก)………..

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น