วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560

พระป่าผู้ลึกลับ



พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระณัง คัจฉามิ”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมได้ยินได้ฟังมาจาก หลวงตารูปหนึ่ง ณ.ที่วัดที่อำเภอ ศรีราชา ขณะนี้ท่านเองยังมีชีวิตอยู่เป็นภิกษุผู้มีวัยเกือบ ๘๐ ท่านเป็นภิกษุผู้เคร่งในศีลน่าเคารพมาก การสวดมนต์ท่านสามารถท่องบทสวดหนังสือมนต์พิธีได้ทั้งเล่มรวมถึงบทปาฎิโมกข์ด้วย
เรื่องมีอยู่ว่า ท่านเป็นผู้ที่บวชเมื่ออายุมาก ตอนพรรษาต้นๆ ปี ๒๕๓๒ ท่านได้เดินทางไปที่ถำ้ผาจม จ.เชียงรายและได้พบกับคณะพระธุดงธ์คณะหนึ่งกำลังหาพระภิกษุร่วมเดินทางไปประเทศอินเดียให้ครบเก้ารูปเพื่อสักการะสังเวชสถานทั้งสี่ตำบล ท่านจึงตอบตกลงร่วมคณะเดินทางไป วิธีการเดินทาง คือ การเดินเท้าข้ามประเทศพม่าและต้องหลบหลีกเจ้าหน้าที่ของพม่าด้วยเนื่องจากเวลาขณะนั้นความสัมพันธ์ระหว่างประเทศยังไม่ราบรื่นนัก เอกสารหลักฐานคือใบสุทธิเพียงอย่างเดียว
ปัจจัยเงินทองทั้งหมดไม่รับ ทั้งหมดต่างปวารณาถือธุดงธ์ควัตรเอาชีวิตเป็นเดิมพัน การเดินทางจึงเป็นไปด้วยความยากลำบาก ท่านเมตตาเล่าให้ฟังว่าไม่เคยได้กินอิ่ม อดข้าวเป็นเรื่องปกติ 2วันบ้าง 4วันบ้าง แต่กระนั้นทุกรูปยังคงความสามัคคี ไม่มีใครท้อทอยหรือแสดงความเห็นแก่ตัวตามวิสัยปุถุชนออกมา
จนกระทั่งถึงขีดจำกัดของร่างกายมนุษย์ ทุกรูปเดินเท้าอย่างหมดแรง กลางป่าลึก หาบ้านคนไม่ได้ ต่างคิดว่าตายแน่ ๆ เอาชีวิตมาทิ้งแล้วหนอ
พลันสายตาทุกรูป เห็น บุรุษผู้หนึ่งรูปร่างผอม นุ่งผ้าสีย้อมฝาดขมุกขมอมผืนเดียว ผมยาวประมาณ ๑ ฝ่ามือ ที่ไหล่สะพายข้องจับปลา ที่มือถือไม้แหลม กำลังก้มหน้าก้มตาเอาไม้แหลมแทงลงในซอกหิน เหมือนคนกำลังหาปลา ทุกครั้งที่เสียบลงไปจะมีปลาดิ้น ติดมาที่ไม้แหลมทุกครั้ง
พระทุกรูปเห็นแล้วก็คิดในใจว่า…“พระหรือคนบ้าหนอ” 
แค่คิดในใจ ท่านก็ตะโกนออกมาว่า… “ก็พระซีว่ะ” 
แล้วพระทุกรูปคิดต่อในใจว่า…“ทำไมเป็นพระแล้วแต่งกายแบบนี้?” 
ท่านก็ตะโกนสวนออกมาว่า… “แล้วการเป็นพระ…มันอยู่ที่หัว..เหรอ?” มันอยู่ที่…จีวรเครื่องนุ่ง…เหรอ?” 
หลวงตาก็เลยพูดขึ้นว่า…“แล้วเป็นพระทำไมฆ่าสัตว์ต้ดชีวิตล่ะ?” 
ท่านก็เดินเข้ามา…แล้วทำท่าเหมือนโกรธ ขว้างข้องจับปลาลงกับพื้น แล้วบอก “กูไม่ทำก็ได้ว่ะ” 
ปรากฏว่า…ในข้องกลายเป็นรากไม้ทั้งหมด แล้วท่านก็พูดต่อ…“กะว่ามากันเหนื่อย ๆ จะต้มยาให้กินเสียหน่อย” 
พระภิกษุทุกรูป จึงก้มกราบ ขอขมากรรม ณ ที่ตรงนั้น
ท่านจึงพาทุกคนไปในถำ้ที่พักของท่าน ตอนไปนี่แปลก ทุกคนเหมือนไม่ได้เดิน หรือออกแรงกันเลย พอถึงที่พัก   ท่านนำอาหารมาให้ทานก็แปลกอีก…
อาหารแม้เพียงน้อยแต่ทุกคนกลับอิ่มพอดี กำลังวังชากลับเป็นปกติอย่างเหลือเชื่อ โรคที่หลวงตาเป็นก็เหมือนจะหายไปเลย แล้วท่านก็ออกมาสนทนาธรรมกับทุกคน
ท่านบอกว่า…”ดีนะที่เจอท่าน มิฉะนั้นต้องมีคนตาย อย่างแน่นอน” 
พระภิกษุรูปหนึ่งกล่าวว่า…“ถ้ารอดไปได้จะกลับมากราบท่านอีก” 
ท่านกล่าวว่า…“ทุกท่านจะเจอกับผมครั้งนี้ จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย” แล้วก็ทำนายทายทักทุกคน ซึ่งก็เป็นไปตามคำทำนายทุกประการ
ครั้นพอถึงรุ่งเช้า ท่านก็บอกว่า…“ให้เดินทางไปตามเส้นทางนี้นะ แล้วจะรอด” 
ทุกรูปก็เดินไปตามที่ท่านบอก ก็พบทางรอดจริง ๆ คือ ไปเจอกับทหารพม่า แล้วก็ถูกควบคุมต้วส่งกลับชายแดนไทยทั้งหมด ช่วงถึงชายแดนนั้น ทุกรูปพึ่งคิดได้คือ…

พวกท่านอยู่ใจกลางป่าลึกของประเทศพม่า ค่อนข้างไปทาง บังคลาเทศ แล้วทำไมภิกษุรูปนั้นถึงพูดภาษากลางชัดเจนขนาดนั้น?
เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง บุคคลที่เกี่ยวข้องยังมีชีวตอยู่ ผู้พูดเป็นภิกษุผู้มีศีลอันงดงาม แต่ขอปิดชื่อ ที่อยู่ไว้ ไม่อยากให้ใครไปรบกวนสมณะธรรมของท่าน

ขอนอบน้อมแด่พระผู้มีพระภาคเจ้า และพระป่าผู้ลึกลับ “สติอยู่ที่ตัว รักษาศีล สมาธิ ปัญญา เอาไว้ให้ดี แล้วจะเจอแสงสว่าง”

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น