มาๆ ชายจะบอกเคล็ดวิชาร่างระฆังทอง ให้ไปฝึกกันน๊า ...
- การปฏิบัติธรรมสำคัญที่ใจ ใจเราใสบริสุทธิ์ก็เรียกว่ามีพรหมจรรย์สมบูรณ์
- แต่ถ้าเราบวชพระ แล้วมีทัศนคติกับกามกิเลสเป็นบวกหรือลบกับมัน อันนี้เรียกว่าไม่เป็นกลาง
- เมื่อใจไม่เป็นกลาง สัมมาทิฐิย่อมไม่มี เมื่อสัมมาทิฐิไม่มี พรหมจรรย์ก็บกพร่อง
- ไม่ใส ไม่บริสุทธิ์ เรียกว่าเสียความบริสุทธิ์ ไม่จบพรหมจรรย์นั่นเอง
- การปฏิบัติที่ใจนี้ ใจต้องใส ใสปิ๊ง มีอะไรมากระทบใจต้องไม่เก็บเอามาหมักดองในใจ
- ใจต้องว่างเปล่า เบาสบายเหมือนระฆังกลวงข้างใน อะไรกระทบปั้บ มันก็ดัง "ปิ๊ง" ขึ้นมาเลย
- นั่นแหละ เรียกว่า "สติปัญญา" เกิดนะ ทีนี้ ไม่ต้องกลัวการถูกกระทบ ยิ่งกระทบยิ่งดังกังวาล (มีสติปัญญา)
- การทำงานคือการปฏิบัติธรรม ไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องเข้าวัด ไปห่มขาว บวชชีพราหมณ์ รับศีลอะไรกัน
- ไม่จำเป็นเลย อะไรก็ได้ทั้งนั้น สำคัญที่ใจเรานี้ ใจเราบริสุทธิ์ ไม่เอาอะไรมาดองไว้ ไม่เอาธรรมมาหมักหมมในใจ
- ธรรมอะไรก็ช่าง เกิดแล้วดับไป เป็นอดีตไปแล้ว จบๆ ไปแล้ว ไม่ต้องไปเอามันมาหมักดองอีก มันก็ใสบริสุทธิ์ ใสแบบนี้ ใสเพราะไม่มีกิเลสอาสวะหมักดอง
- ไม่ใช่ใสเพราะสะกดจิตให้ใส แบบการเทศน์ว่า "ใส้ยยยย" อะไรแบบนั้นนะ
- มันใสเพราะเราไม่มีเหตุแห่งความไม่ใส คือ ไม่ได้เอาธรรมอดีตมาหมักดองในใจของเราให้เป็นอาสวะกิเลส
- ธรรมใดก็ช่าง เกิดแล้วดับไป เป็นอนิจจัง อนัตตา ไม่ต้องยึดถือ ไม่ใช่ตัวกูของกูอยู่แล้ว
- เราก็มีสติ ณ ปัจจุบันนี่หละ ทำงานไป ธรรมอะไรรอบตัวเราเข้ามากระทบก็มีสติตื่นขึ้น
- สิ่งกระทบก็เหมือนการตี เราเหมือนระฆังโดนตี สติก็เกิดปิ๊งขึ้นมาปัญญาก็ตามมาเอง
- โดนอะไรก็กระทบก็ให้มีสติเหมือน "ระฆังโดนตี" นี่เรียกว่า "เคล็ดวิชาร่างระฆังทอง" ของเส้าหลินเชียวนะ จะบอกให้ 555
- ภายในว่างเปล่า เบาสบาย ไม่เก็บอะไรมาคิด ถ้าไปเก็บอะไรมาหมักดองไว้ในใจ ระฆังไม่ดังกังวาล มันทึบ มันโง่ไง
- ภายในว่างเปล่าสุญตา ภายนอกแกร่งเป็นวัชระ คือ ร่างระฆังทอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น