วันพุธที่ 8 มีนาคม พ.ศ. 2560

เคล็ดวิชาร่างระฆังทอง

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ภาพระยะใกล้

มาๆ ชายจะบอกเคล็ดวิชาร่างระฆังทอง ให้ไปฝึกกันน๊า ...
  • การปฏิบัติธรรมสำคัญที่ใจ ใจเราใสบริสุทธิ์ก็เรียกว่ามีพรหมจรรย์สมบูรณ์ 
  • แต่ถ้าเราบวชพระ แล้วมีทัศนคติกับกามกิเลสเป็นบวกหรือลบกับมัน อันนี้เรียกว่าไม่เป็นกลาง 
  • เมื่อใจไม่เป็นกลาง สัมมาทิฐิย่อมไม่มี เมื่อสัมมาทิฐิไม่มี พรหมจรรย์ก็บกพร่อง 
  • ไม่ใส ไม่บริสุทธิ์ เรียกว่าเสียความบริสุทธิ์ ไม่จบพรหมจรรย์นั่นเอง 
  • การปฏิบัติที่ใจนี้ ใจต้องใส ใสปิ๊ง มีอะไรมากระทบใจต้องไม่เก็บเอามาหมักดองในใจ 
  • ใจต้องว่างเปล่า เบาสบายเหมือนระฆังกลวงข้างใน อะไรกระทบปั้บ มันก็ดัง "ปิ๊ง" ขึ้นมาเลย 
  • นั่นแหละ เรียกว่า "สติปัญญา" เกิดนะ ทีนี้ ไม่ต้องกลัวการถูกกระทบ ยิ่งกระทบยิ่งดังกังวาล (มีสติปัญญา)
  • การทำงานคือการปฏิบัติธรรม ไม่จำเป็นต้องมีรูปแบบ ไม่จำเป็นต้องเข้าวัด ไปห่มขาว บวชชีพราหมณ์ รับศีลอะไรกัน
  • ไม่จำเป็นเลย อะไรก็ได้ทั้งนั้น สำคัญที่ใจเรานี้ ใจเราบริสุทธิ์ ไม่เอาอะไรมาดองไว้ ไม่เอาธรรมมาหมักหมมในใจ 
  • ธรรมอะไรก็ช่าง เกิดแล้วดับไป เป็นอดีตไปแล้ว จบๆ ไปแล้ว ไม่ต้องไปเอามันมาหมักดองอีก มันก็ใสบริสุทธิ์ ใสแบบนี้ ใสเพราะไม่มีกิเลสอาสวะหมักดอง 
  • ไม่ใช่ใสเพราะสะกดจิตให้ใส แบบการเทศน์ว่า "ใส้ยยยย" อะไรแบบนั้นนะ 
  • มันใสเพราะเราไม่มีเหตุแห่งความไม่ใส คือ ไม่ได้เอาธรรมอดีตมาหมักดองในใจของเราให้เป็นอาสวะกิเลส 
  • ธรรมใดก็ช่าง เกิดแล้วดับไป เป็นอนิจจัง อนัตตา ไม่ต้องยึดถือ ไม่ใช่ตัวกูของกูอยู่แล้ว 
  • เราก็มีสติ ณ ปัจจุบันนี่หละ ทำงานไป ธรรมอะไรรอบตัวเราเข้ามากระทบก็มีสติตื่นขึ้น 
  • สิ่งกระทบก็เหมือนการตี เราเหมือนระฆังโดนตี สติก็เกิดปิ๊งขึ้นมาปัญญาก็ตามมาเอง 
  • โดนอะไรก็กระทบก็ให้มีสติเหมือน "ระฆังโดนตี" นี่เรียกว่า "เคล็ดวิชาร่างระฆังทอง" ของเส้าหลินเชียวนะ จะบอกให้ 555 
  • ภายในว่างเปล่า เบาสบาย ไม่เก็บอะไรมาคิด ถ้าไปเก็บอะไรมาหมักดองไว้ในใจ ระฆังไม่ดังกังวาล มันทึบ มันโง่ไง
  • ภายในว่างเปล่าสุญตา ภายนอกแกร่งเป็นวัชระ คือ ร่างระฆังทอง

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น