วันอังคารที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2560

ปณิธานแห่งการหลุดพ้น

ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ

#ปณิธานแห่งการหลุดพ้น

ลูกแก้วดวงนี้
หากท่านปฏิบัติได้เป็นผลสำเร็จ
จนกลายเป็นธรรมชาติของท่านเองได้
มันจะยังผลให้จิตวิญญาณ
หรือ "ใจ" ของท่าน "สวย" ในบั้นปลาย

ปณิธานแห่งการหลุดพ้นหรือนิพพาน
จักต้องแสดงออกมาจากจิตใสๆ
เป็นพฤติกรรมการดำเนินชีวิตประจำวัน
ที่ชัดเจนเป็นรูปธรรมในทุกที่ทุกเวลา

ถ้าท่านเข้าถึงไม่ได้ท่านก็นิพพานไม่ได้
ซึ่งประกอบด้วยองค์ธรรม 3 ประการ คือ

1.ต้องรักได้:
*************
เพราะหน้าที่หลักของจิตวิญญาณ
ผู้เป็นตัวตนแก่นแท้
ในการมาเกิดเป็นมนุษย์ข้อหนึ่งก็คือ

ท่านต้องมอบความรักให้แก่ดาวโลก
เพื่อใช้ความรักช่วยค้ำจุนโลกให้สมดุล
ในมิติทางพลังงานที่ตาเปล่ามองไม่เห็น
ในทุกลมหายใจเข้าออกของท่าน

ในที่นี้ "ความรัก" ในมิติทางพลังงานก็คือ
คลื่นความถี่ทางไฟฟ้าแม่เหล็กด้านบวก
ในรูปของคลื่นพลังจิตด้านบวกนั่นเอง

ดังนั้น
เมื่อท่านมาเกิดเพื่อทำหน้าที่ดังกล่าวนี้
ท่านจึงจะละเลยล้มเหลวต่อหน้าที่ไม่ได้

เพราะถ้าท่านล้มเหลวท่านก็จะมิอาจ
นำพาแก่นแท้ของท่านนิพพานได
เนื่องเพราะ #บกพร่องต่อหน้าที่
และผิดต่อสัจจะหรือพันธะสัญญา 6
ที่ให้ไว้ต่อพระบิดาแห่งจิตวิญญาณโดยตรง

หน้าที่ของท่านก็คือ
#ต้องรักให้ได้แม้ใครคนนั้นไม่น่ารัก
ทั้งยังต้องรักจากจิตสำนึกแท้จริงด้วย

มิใช่รักได้เพราะถูกบังคับให้รัก
มิใช่รักได้เพราะถูกจูงใจให้รัก
มิใช่รักได้เพราะเสแสร้งแกล้งรัก

2.ต้องให้เป็น:
**************
เมื่อท่านสามารถที่จะรักใครก็ได้
โดยรักได้อย่างไม่มีเงื่อนไขแล้ว
ท่านประสบผลสำเร็จแล้ว
ท่านยังมีหน้าที่ต้องช่วยเหลือผู้อื่น
ให้เรียนรู้ที่จะรักท่านด้ว

วิธีการที่จะช่วยให้คนอื่นรักท่านได้ง่ายๆ
จักต้องกระทำผ่านการให้เท่านั้น

ให้ในสิ่งที่ดีๆ ให้ในสิ่งที่เขาพอใจ
ให้ในสิ่งที่เขาอยากได้
ให้ในสิ่งที่เป็นรูปธรรมซึ่งจับต้องได้
เช่นทรัพย์สินสิ่งของ เป็นต้น

แต่การให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ที่จะช่วยให้ท่านใจสวย
ร่ำรวยบารมีทางจิตวิญญาณ
นั่นคือ "การให้อภัย" หรืออโหสิกรรม

เพราะการให้อภัยแก่บุคคลที่
ไม่สมควรจะให้อภัยนั้น
ท่านจักต้องใช้พลังความรักมหาศาล
โดยจิตท่านต้องสั่นสะเทือนด้านบวกแรงๆด้วย
จึงจะช่วยให้จิตวิญญาณของท่าน
ยกระดับแรงสั่นสะเทือนด้านบวกสูงขึ้นได้

3.ต้องไม่ก้าวล่วงใคร:
**********************
การก้าวล่วงผู้อื่น
เป็นการสร้างเงื่อนไขด้านลบต่อผู้อื่น
เป็นการทำลายความสมดุลทางจิตใจผู้อื่น
ที่ถือเป็นความผิดบาปอย่างยิ่ง

เพราะท่านไม่มีสิทธิ์ที่จะทำลายความสมดุลใคร
มีแต่จะต้องสร้างสมดุลร่วมกันไว้เท่านั้น
เพราะมันเป็นกฎหลักของจักรวาล
ซึ่งองค์จิตจักรวาลได้ทรงกำหนดไว้นานแล้ว

การก้าวล่วงผู้อื่น
สามารถเกิดได้ด้วยการสัมผัสรู้ดูเห็น
ของกลไกอายตนะภายนอกทั้งห้า
ของผู้ที่ถูกท่านกระทำ
ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นการกระทำ
ด้วยกายกับวาจาของท่านนั่นแหละ
ที่จะทำให้เขาเสียสมดุลทางจิตใจ

การก้าวล่วงผู้อื่นด้วยกายกับวาจา
เป็นการกระทำผิดต่อจิตและกายผู้อื่น
อีกทั้งเป็นการกระทำบาป
ต่อจิตวิญญาณท่านเองควบคู่กันไปด้วย

ส่วนการก้าวล่วงผู้อื่นทางจิตใจ
คือ ได้แต่คิดนึกรู้สึกอยู่ข้างใน
โดยไม่แสดงออกมาเป็นการกระทำภายนอก
รวมทั้งการด่าว่านินทาเขาลับหลัง
ถือเป็นการผิดบาปต่อจิตวิญญาณตัวท่านเอง
เพราะผู้ที่ถูกท่านกระทำทางจิตเขาไม่รู้

ดังนั้น
การก้าวล่วงผู้อื่นจึงผิดบา
ทั้งต่อตนเองและผู้อื่น
ซึ่งยังผลให้จิตวิญญาณของท่านเสื่อมบารมี
และจิตหยาบของท่านหม่นมัวไม่ใสสวย

พี่น้องที่รักแห่งเราทั้งหลาย
พลังอำนาจที่จะใช้ดีดตนเอง
หนีแรงดึงดูดของโลกและเอกภพ
เพื่อหลุดพ้นออกไปจากระบบใหญ่

ต้องใช้พลังอำนาจทางวิญญาณ
อันเกิดจากการสั่งสมรายวัน
ตั้งแต่เกิดจนวันสุดท้ายแห่งการสิ้นภพชาติ
ซึ่งต้องกระทำผ่านปณิธานแห่งการหลุดพ้น
ใน 3 ประการ ที่เรากล่าวไว้ทั้งหมดนี้เท่านั้น

เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
21-3-2017

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น