- "สมัยนั้น พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงยื่นพระหัตถ์ ไปสัมผัสศีรษะของพระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์อีกครั้งแล้วตรัสว่า "กษิติครรภ์..เธอมีพลานุภาพเป็นอจินไตย..เธอมีเมตตา กรุณาเป็นอจินไตย..เธอมีปัญญาญาณเป็นอจินไตย.. เธอมีปฏิภาณเป็นอจินไตย"
- "พระพุทธเจ้าในทศทิศล้วนสรรเสริญความเป็นอจินไตยของเธอ..อันสรรเสริญไม่จบสิ้นแม้พันหมื่นกัลป์..กษิติครรภ์ เธอจงจำวันที่ตถาคตอยู่บนดาวดึงส์เทวโลกไว้ ท่ามกลางพระพุทธเจ้า พระโพธิสัตว์ เทพ นาค
- ในคติ 8 ทั้งปวง..ว่าตถาคต..ขอมอบหมู่สัตว์ที่ถูกกองไฟแห่งภพ 3 เผาผลาญอยู่ยังไม่สามารถออกมาได้แก่เธอ..อย่าให้เขา เหล่านั้นตกอบายภูมิรับทุกข์ทรมาน แม้แต่ 1 วันหรือ 1 คืน แล้วจักประสาใดกับการที่จะให้พวกเขาล่วงอนันตริยกรรม แล้วตกสู่อเวจีมหานรกเลย..เพื่อรับทุกข์ทรมานในนรกแห่ง นั้น ร้อยพันโกฎิกัลป์ ไม่มีวันออกมาได้.."
- "กษิติครรภ์เอ๋ย..จิตแห่งสัตว์ในชมพูทวีปนั้นไม่เป็นสมาธิตั้งมั่น..เคยชินในความชั่ว แม้จะเกิดจิตกุศลแต่เพียงชั่วครู่ก็เสื่อมถอยเสีย หากพบปัจจัยที่ชั่วร้าย ความคิดชั่วร้ายก็ยิ่งทวีคูณ เหตุนี้ตถาคตก็ได้นิรมานกายจำนวนร้อยพันโกฎิ เพื่อโปรดพวกเขาตามแต่จริตของเขา.."
- "กษิติครรภ์เอ๋ย..วันนี้ตถาคตขอมอบหมายหมู่สัตว์ทั้งหลายแก่เธอ..หากในอนาคตได้มีบุคคลในพระศาสนาได้ปลูกฝัง กุศลเพียงเล็กน้อย เธอจงใช้พลานุภาพปกป้องคุ้มครองเขา ให้เขาค่อยๆประพฤติซึ่งพระโพธิญาณ..อย่าได้เสื่อมถอย"
- ข้าไม่จำเป็นตัองเป็นผู้งดงามสูงส่ง
- ข้าไม่จำเป็นต้องเดินตามกรอบที่ผู้สูงส่งกำหนดเพื่อกักขังคนที่ไร้เส้นทางแห่งตน
- ข้าไม่ได้ ดีหรือเลว ด้วยลมปากและการตัดสินของ ใคร
- แต่ข้าเคลื่อนไปด้วยรักและปัญญาอันสมบูรณ์อย่าง อนุภาพอิสระ
- และเพราะโลกใบนี้ มีข้า สรรพสัตว์ที่อยู่ในภพภูมิมืดมิด
- จะพบแสงสว่างและการปลอบประโลม ด้วยมหาปัญญาและมหาอุปายะและอนุภาพ อันไม่มีประมาณ
- แม้วันสุดท้าย ไฟบัลลัยกัลป์ล้างโลก ข้าก็อยู่เคียงข้างกับเวไนย ดุจดั่งเช่น คำกล่าวที่ว่า "ถ้าข้าไม่ลงนรก แล้วใครจะลง"
มหาปนิธานพระกษิติครรภ์มหาโพธิสัตว์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น