วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560

๔๗๔. การบรรลุธรรม...ในวิชชาธรรมกาย

ในภาพอาจจะมี 1 คน
๔๗๔. การบรรลุธรรม...ในวิชชาธรรมกาย
ข้าพเจ้ามิใช่ผู้รู้ เป็นเพียงนักศึกษา นับถือบูชาหลวงปู่ครุอาจารย์มากมาย และหลวงปู่สด วัดปากน้ำ เป็นหลวงปู่ที่ข้าพเจ้าเคารพและเอ่ยนามท่านเกือบทุกคืน ข้าพเจ้าเพียงแต่นำเสนอแบบวิชาการ ตามหลักคำสอนพระพุทธองค์ ขอผู้ใฝ่ธรรมพิจารณาตามภูมิปัญญา เพื่อพัฒนาจิตให้ดีขึ้น มิได้โต้แย้งกับผู้ใด
...การบรรลุธรรม ต้องเกิดมรรคสมังคี ในไตรสิกขา ศีล สมาธิ ปัญญา บริบูรณ์ จะขาดตัวใดตัวหนึ่งไม่ได้ ใน “วิชชาธรรมกายเป็นแม้จะประกอบด้วยศีล สมาธิ และวิปัสสนา(ปัญญา) แต่ถ้ายังเดินวิปัสสนาไม่ถึงที่สุดแล้ว ยังเป็น”ดรุณีวิปัสสนา” ย่อมยังไม่เกิดมรรคสมังคีสมบูรณ์ การพิจารณาสภาวธรรมย่อมไม่ขาด ย่อมไม่สามารถ “บรรลุอรหันต์” ได้ ..“แม้นบรรลุธรรมกาย ถึงกายละเอียดบริสุทธิ์ก็ตาม แต่ถ้าไม่สามารถตัดสังโยชน์สิบได้ ก็ไม่บรรลุอรหันต์” และการจะตัดสังโยชน์สิบได้ขาด ต้องเดินวิปัสสนาปัญญาสมบูรณ์ และ ”การถึง”วิปัสสนาปัญญา” คือ เราต้องเห็นขันธ์ ๕ เป็นไตรลักษณ์ ไร้ สาระ(นิพพิทา) จนจิตปล่อยวางความยึดมั่นขันธ์ พร้อมไถ่ถอนกิเลสราคะอนุสัยที่ฝังในจิต(วิราคะ) จนสังโยชน์ทั้งหลาย ขาดสะบั้น ด้วยกำลังของอริยมรรค ล้างกิเลส จนหมดสิ้น(วิมุตติ) จิตจึงบริสุทธิ์(วิสุทธิ) มีแต่ความสุขตลอดอนันตกาล(นิพพานัง สุขัง) นั่นคือการบรรลุนิพพานแท้จริง

ดังนั้น เมื่อผู้ฝึกได้ถึงธรรมกายแล้ว อันเป็นกายละเอียดสูงสุดของ “รูปฌาน”คือฌานสี่ นับว่าจิตมีกำลังมากแล้ว ให้พิจารณาเข้าสู่ “ไตรลักษณ์” โดยการ “แผ่ฌานทันที” จนธรรมกายเข้าสู่ภาวะ “ไร้กาย ให้ เป็น “อรูปฌาน” แล้วนับอรูปฌาน ขั้นที่หนึ่งเป็น ฌานห้า จึงถึงฌานแปดเป็นลำดับ ดังนั้น ขอเพียงเมื่อถึงที่สุดแห่งกายธรรม คือ ธรรมกาย คือที่สุดแห่งรูปฌานแล้ว เข้าสู่อรูปฌานทันที ด้วยการแผ่ฌาน ก็จะเห็นการสิ้นไปแห่ง “ธรรมกาย” เห็นอนิจจัง เห็นอนัตตาแห่งธรรมกาย ละความ “ยึดมั่นในธรรมกาย” นั่นคือเห็นไตรลักษณ์ จึงทิ้งทั้งกามภูมิ รูปภูมิ อรูปภูมิ ข้ามมาสู่อริยภูมิ โลกุตรภูมิ
ทีนี้เมื่อหลวงปู่สด ท่านปารถนาเป็นพระพุทธเจ้าภาคปราบ เป็นพระโพธิสัตว์ ลูกศิษย์ของท่านที่ติดตามท่านมา ก็ย่อมจะเดินในสายพุทธภูมิภาคปราบ ซึ่งต้องสร้างบารมียาวนานมาก หรือ ปารถนาเป็นสาวกในยุคของหลวงปู่สด ย่อมนำวิชชาธรรมกาย วิชชาปราบมารไปใช้ในการเวียนว่ายตายเกิดได้ เพราะเมื่อเดินจิตลึกจนถึงธรรมกายแล้ว เข้าสังขารารุเปกขาญาณ(วางเฉย) แทนที่จะเดินเข้าอริยมรรค กลับปารถนาจะเกื้อกูลสรรพสัตว์อีก จึงเป็นการเดิน”โพธิสัตว์มรรค” แทน จึงต้องเข้าระบบเวียนว่ายตายเกิดอีก
มิมิสายไหนผิดถูกหรอก เพียงแต่ทางเดินของจิต จะเดินสายไหน พุทธภูมิ ปัจเจกภูมิ สาวกภูมิ เพื่อนิพพานในชาตินี้ตรงต่อพระสมณโคดมพุทธเจ้า หรือบางท่านก็ปารถนาเป็นสาวกของพระศรีย์อริยเมตไตรโย พระพุทธเจ้าองค์ปิดภัทรกัป ก็ย่อมไม่นิพพานในชาตินี้ได้เช่นกัน

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น