วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

พระอภิธรรมบทที่ 2_พระวิภังค์

ในภาพอาจจะมี 1 คน

#พระอภิธรรมบทที่ 2_พระวิภังค์
ปัญจักขันธา (ขันธ์ 5)=องค์ประกอบ 5 ส่วนแห่งร่างกาย
รูปักขันโธ 
เวทนากขันโธ 
สัญญากขันโธ 
สังขารักขันโธ 
วิญญานากขันโธ
(1)
รูป คือ ร่างกาย เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย 
ไม่เที่ยง อนิจจัง-ทุกขัง-อนัตตา
(2)
เวทนา คือ อารมย์ ต่อสิ่งที่กำลังจับยึดสิ่งใดสิ่งหนึ่ง 
สุข-ทุกข์เพราะอารมย์
(3)
สัญญา คือ บันทึกกรรม กายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรม 
ล้างเก่า/บันทึกใหม่
(4)
สังขาร คือ ความคิด จิตปรุงแต่ง 
จินตนาการ วิตกกังวล
(5)
วิญญาน หรือ ร่างทิพย์อสุภะใหม่ 
รับความรู้สึก-บันทึกอารมย์
ที่จะรับความรู้สึก-บันทึกสัญญากรรม 
สร้างเป็น*ร่างสัญญาใหม่*
ส่งต่อเกิดใหม่ ชาติต่อไป 
ต่อสิ่งใด-เรื่องใด ที่จิตสนใจ
......สิ่งใดที่ไม่สนใจ-จะไม่รู้สึก-จะไม่จดจำ.......
.
ยังกิญจิ รูปัง อะตีตานาคะตะปัจจุปปันนัง...
อัชฌัตตัง วา/พะหิทธา วา
โอฬาริกัง วา/สุขุมัง วา..
หีนัง วา/ปะณีตัง วา..
ยัง ทูเร วา/สันติเก วา
ตะเทกัชฌัง อะภิสัญญูหิตวา อะภิสังขิปิตวา
อะยัง วุจจะติ รูปักขันโธ
.
นานาสรรพสิ่ง บนโลกความจริง สังสาระทั้งหลาย

ทั้งเรื่องที่เป็นอดีตก็ดี ในอนาคตก็ดี หรือปัจจุบันก็ดี
เป็นเรื่องภายในก็ดี - หรือเป็นเรื่องภายนอกก็ดี
เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ก็ดี - หรือเป็นสิ่งเพียงเล็กน้อยก็ดี
เป็นสิ่งหยาบกระด้างก็ดี - หรือเป็นสิ่งละเอียดปราณีตก็ดี
เป็นสิ่งไกลตัวก็ดี - หรือเป็นสิ่งใกล้ตัวก็ดี
.

ผู้มีปัญญา ฉลาดรู้ใน นานาสรรพสิ่ง สังสาระทั้งหลาย
ย่อมรู้จักใช้ สรรพสิ่ง สร้างสุข ให้กับสังขาร
แต่ไม่ยึดติด ไม่ผูกติด ในจิตวิญญาน
คือผู้ข้ามผ่าน สังสาระ ที่แท้จริง
คือผู้รู้จริง เห็นแจ้ง แสงวิมุตติธรรม
.
ธรรมะบทนี้สอนให้รู้ 
เกี่ยวกับสิ่งนอกร่างกายทั้งหมด
ต้นเหตุแห่งวัฏฏะสงสาร คือ การที่จิตไปยึดติด 
มีอารมย์กับสิ่งนอกร่างกาย
ไม่ว่าจะเป็น ลูก-เมีย-สามี งาน-เงิน-บ้าน รถ 
ชื่อเสียง คน-สัตว์รอบตัว ฯลฯ
สาเหตุคือ อารมย์หรือเวทนา ต่อสิ่งนั้นๆ 
ตามพระอภิธรรมบทที่ 7
หากรู้ทันนั่นคือ 
เดินกาย-แยกจิต เสพได้ทุกอย่าง 
แต่ไม่ยึดติดอะไรเลยซักอย่าง
เพราะทุกอย่าง หากมีอารมย์แล้ว 
สุดท้ายสิ่งนั้นคือ ความทุกข์
โดยเฉพาะ ความรัก 
สุดท้ายก็ต้องพลัดพรากจากกัน
หรืออยู่ด้วยกัน ก็ทุกข์เพราะความเป็นห่วง 
ที่เข้าหลัก อริยะสัจ4
เกิดอารมย์>>สร้างรูปสัญญา>>เข้าวัฏฏะสงสาร
.
ทุกวินาที สัญญาเก่าอดีตชาติ จะล้างออกมาในรูปแบบ
ความคิดและเหตุการณ ์ที่กำลังเกิดขึ้นรอบตัว 
ทั้งครอบครัว การทำงาน ฯลฯ
ไม่มีอะไรเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ 
บนโลกใบนี้
มีพลังงานอานิสงค์แห่งกรรม ควบคุมอยู่ตลอด 
อยู่ในตัวเราและรอบตัวเรา
แรงกรรมทำงาน ด้วยความคิด ส่งไปที่สมอง
สมองสั่งร่างกายให้เคลื่อนไหว ปากพูดออกไป
.
สติ คือ การรู้ทันจิต 
จงทำงาน ทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ที่สุด 
แต่ไม่มีอารมย์ร่วมยึดติด
หาเงิน ซื้อรถใหม่ เสพกาม ดื่มเหล้า 
ทำได้เต็มที่เพื่อปรนเปรอกาย ให้มีความสุข
แต่ให้มีสติอยู่ตลอด 
ไม่เดือดร้อนต่อตนเองและคนอื่น 
เสร็จแล้วเลิกกัน ลืมได้ยิ่งดี
ไม่นำสิ่งที่ผ่านไปแล้ว มาย้ำคิด ย้ำวิตกกังวล 
ย้ำคิดถึงอาลัยอาวรณ์
สัญญาก็ไม่เกิด หลุดพ้นได้ เข้านิพพานได้ 
โดยไม่ต้องบวช ห่มเหลือง ห่มขาว
.
กลุ่มนี้คือ กลุ่มจิตครอง ที่สูญเสียการควบคุมร่าง 
ให้กับจิตอริยะไปหมดแล้ว
เห็นเหมือนคนปกติธรรมดา 
แต่แสงบารมีจ้ามากที่สุด มหาเทพยังสู้ไม่ได้
เวลา เสพกาม-ดื่มเหล้า-สูบบุหรี่..
ให้จิตมนุษย์คุมกาย จิตอริยะจะหลบ
แต่จะควบคุมไม่ให้ละเมิดศีลเป็นอันขาด 
เวลานอกนั้นจิตอริยะควบคุมทั้งหมด
คำพูด สำเนียง ภาษา เปลี่ยนได้ตลอดเวลา 
แล้วแต่จิตใหน จะลงคุมกาย
เมื่อตายลง..จิตมนุษย์ร่างนั้น 
โทษทัณฑ์แค่ไปเป็นพญามัจจุราช
สัก 300 ปี แล้วกลับนิพพานที่เดิม 
(ล้างสัญญารูปสมัยเป็นมนุษย์ ในภพนรก)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น