วันพุธที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ขั้นตอนอาการของมารที่เข้าแทรกผู้ปฏิบัติธรรม

 ในภาพอาจจะมี หนึ่งคนขึ้นไป

ขั้นตอนอาการของมารที่เข้าแทรกผู้ปฏิบัติธรรม #
" เมื่อที่อยู่ใน กายหยาบ ไม่ใช่ ตัวจริง และ ไม่มีใคร ดูออก คนที่ทราบ จะถูกกันออก เพื่อ ไม่ให้ช่วยคนผู้นั้นได้ วิธีแก้ ของคนที่ทราบ และ มองเห็น คือ
พุทธะมหาเมตตา โปรดมาร อสูร ที่อยู่ในตัวคนผู้นั้น
ให้เป็น ธรรมขาว ธรรมฝ่ายพระ ให้หมด ความรักที่แท้จริง ต้อง รัก มาร และ อสูร ให้เหมือน รักลูกน้อย ได้ด้วย เหมือนดั่ง ความรัก ของ พระพุทธองค์ ที่รักทุกดวงจิตวิญญาณ ในวัฏสงสาร เหมือน ดั่ง มารดารักบุตรน้อย รักแท้ ชนะ ได้ทุกอย่าง เง็กนึ้ง ชนะ ผ่านทุกบททดสอบ สอบรอบเดียวผ่าน ตลอดกาล อิอิ >___< " เง็กนึ้ง กล่าว
ผู้ปฏิบัติธรรมมีมารแทรก นั้น เป็นเรื่องปกติอย่างหนึ่ง แต่เมื่อมารเข้าแทรกแล้ว จะมีสติรู้ทันได้อย่างไรว่ามารแทรก เพื่อจะหาวิธีแก้ไขได้ ในบทความฉบับนี้ จะกล่าวถึงอาการของมารเข้าแทรกเป็นขั้นตอนไปโดยละเอียด เพื่อประโยชน์แก่มวลสรรพสัตว์ในอนาคตซึ่งจะถูกมารแทรกจำนวนมาก และบางส่วนก็ถูกมารแทรกอยู่แล้ว ไม่รู้ตัวก็มี อาการมารแทรกนั้น เป็นอาการละเอียดแนบเนียนและยากที่จะสังเกตได้ทันท่วงที บางท่านมีมารแทรก บางท่านมีอสูรแทรก แต่มารและอสูรก็ไม่ถูกกัน จะไม่เข้าแทรกพร้อมกันทั้งสองอย่าง แต่จะผลัดกันเข้าแทรก จำต้องมีจิตที่พิจารณาตนเองตลอดเวลา ดังต่อไปนี้
กระบวนการเข้าแทรกของมาร มีขั้นตอนดังต่อไปนี้
๑) ช่วงดลจิตดลใจ
ช่วงนี้ เรายังเป็นคนดีอยู่ ปกติอยู่ ไม่หลงทาง ไม่ออกนอกทาง แต่จะมีเรื่องราวเข้ามาไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือร้ายก็ตาม ให้เราตัดสินใจ และมักยากต่อการตัดสินใจ ในภาวะที่เรากำลังครุ่นคิด เพื่อตัดสินใจในเรื่องที่ยากอยู่นั้นเอง ก็จะมีความคิดแปลกๆ ผุดขึ้นมาในหัวเรามากมาย และไม่ค่อยไปในทิศทางเดียวกันเท่าไร จนกระทั่ง เหลือแนวทางที่ขัดแย้งกันทางสอง บางที เราก็อ่อนแอเกินกว่าที่จะเลือกทางใดทางหนึ่งหรืออ่อนแอจนควบคุมตัวเองไม่ได้ เผลอกระทำผิดไปโดยที่ไม่ทันรู้ตัวก็มี สถานการณ์บางครั้งเลวร้ายมาก บีบคั้นให้เราต้องทำก็มี และมักมีความคิดสร้างเหตุสร้างผลเพื่อเข้าข้างตัวเองเสมอ บางครั้งก็มีสถานการณ์ดีเข้ามา เช่น มีคนเอาเงินมาให้ และเราก็มีเหตุผลในการรับแต่นั่นหารู้ไม่ว่าได้หลงออกนอกทางของการปฏิบัติอันมีมาแต่เดิมแล้ว ช่วงนี้มารใช้การดลจิตดลใจ ไม่ได้เข้ามาแทรกในกายสังขารของเรา ทำให้เรายังไม่ใช่มาร แต่มีพลังมารและความคิดมารเข้ามาแทรกในหัวเป็นช่วงๆ เท่านั้น บางครั้งก็ดลจิตดลใจ แล้วบางครั้งก็หายไป ช่วงนี้ให้สังเกตตัวเองให้ดี เราจะมีเหตุผลดีๆ ที่เข้าข้างตัวเองเยอะมากและมีเหตุผลมากมายที่โจมตีฝ่ายตรงข้ามกับเรา และดูน่าเชื่อถือมากด้วย แต่มันเป็นเหตุผลที่ไม่รอบด้านเลย
๒) ช่วงเปิดช่องกรรม
เมื่อเราได้ถูกดลจิตดลใจโดยมาร และเผลอกระทำกรรมแล้ว กรรมนั้นเองทำให้เราเสื่อมจากธรรมที่เคยปกป้องเราจากมาร ช่องโหว่นี้เป็นสิ่งที่มารอาศัยควบคุมเรา ดลจิตดลใจเรา มารรู้ถึงจุดอ่อนลึกๆ ในใจของเรา หากเรายังมีจุดอ่อน มารจะโจมตีเราตรงจุดนี้ซ้ำๆ เพื่อควบคุมใจเรา นั่นแสดงว่ามารเห็นช่องโหว่ในจิตใจของเราแล้ว เราได้เปิดเผยช่องโหว่ให้มารรู้แล้วด้วยการพลั้งเผลอกระทำกรรมลงไปนั่นเอง เพราะกรรมที่เรากระทำ ทำให้เราต้องมีช่องโหว่ให้มารค่อยๆ อาศัยจุดอ่อนตรงนั้น แทรกพลังเข้ามาเรื่อยๆ ถ้าดูด้วยตาทิพย์ในระยะนี้ จะเห็นพลังสีดำ ที่เข้ามาครอบในกายทิพย์เราได้ชัด บางทีเป็นเหมือนหมอกเมฆบางๆ เป็นกลุ่มเล็กๆ คลุมจุดใดหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของรัศมีที่ศีรษะ ซึ่งปกติ หากเรามีรัศมีสีขาวกลมแผ่ออกจากศีรษะ จะเห็นความแตกต่างของสีดำที่เข้ามาแทรกชัดเจนมาก และมารจะแทรกพลังดำเข้ามาที่จุดนี้เรื่อยๆ พร้อมความคิดเดิมที่คอยตอกย้ำจุดอ่อนของเรา หากเราไม่สามารถแก้ไขจุดอ่อนของตนเองได้ มารก็จะมีชัยชนะต่อไป

๓) ช่วงทำกรรมโดยไม่มีสติ
เมื่อถูกพลังดำครอบงำไปถึงจุดหนึ่ง จนเริ่มมืดบอดแล้ว จะก่อกรรมโดยขาดสติ ช่วงนี้ มักหลงตัวเอง ไม่เชื่อสิ่งที่ควรเชื่อ และเชื่อสิ่งที่ไม่ควรเชื่อ และดูมีเหตุผลและมั่นใจในตัวเองมากว่าได้ทำสิ่งที่ถูกต้องแล้ว ทั้งๆ ที่ไม่ใช่ แม้จะถูกต้องก็ส่วนหนึ่งไม่มากนัก แต่ความผิดนั้นมากกว่าความถูกต้องมากมายนัก เพราะก่อกรรมมากจนไม่อาจยับยั้งได้แล้ว และเริ่มไม่มีใครที่อยู่ฝ่ายดีจะต้านทานได้ หรือไม่ฝ่ายดีก็รู้เท่าไม่ทันว่ามารได้ครอบงำแล้ว ช่วงนี้ หากใช้ตาทิพย์ดูรัศมีที่ศีรษะจะหม่นหมองลงไปต่างจากเดิมชัดเจน คุณธรรมที่เคยบำเพ็ญได้ค่อยๆ เปลี่ยนไป เสื่อมลงไป อย่างที่คนรอบข้างเองก็ไม่ทันสังเกต และไม่มีใครรู้ทันความเปลี่ยนแปลงนี้ ต่างคิดว่าสิ่งที่ทำเป็นสิ่งที่ถูกต้อง มองไม่เห็นจุดผิด

๔) ช่วงมารเข้าแทรกบางส่วน
ช่วงนี้มารไม่ได้ใช้วิธี “ครอบงำ” อีกต่อไป แต่ได้เปลี่ยนเป็นยุทธวิธีที่เหนือกว่าเดิม นั่นคือ การ “เข้าแทรก” ไม่ใช่แค่ส่งพลังดำลงมาครอบที่ศีรษะ แต่เอาทั้งจิตวิญญาณของตนเข้ามาแทรกในกายสังขารของเรา มาอยู่ร่วมกับจิตวิญญาณของเราในกายสังขารเดียวกัน หากเพ่งด้วยตาทิพย์จะเห็นเป็นกายมาร เข้ามาอยู่ในกายสังขารของเรา เป็นกายทิพย์สีดำทรงเครื่องแบบกษัตริย์สวยงามอลังการมากๆ ช่วงนี้ มารเข้าแทรกได้ไม่เต็มที่ บางทีจะเข้ามาแทรกได้นานหน่อย บางทีจิตวิญญาณของเราก็สามารถใช้พลังภาคขาวที่เหลืออยู่บ้างขับดันออกไปได้ จิตของเราจะคิดว่าอยากเลิก หรือไม่เอาดีกว่า หรืออย่าทำเลย หรือพอเถอะ คือ เริ่มได้สติมาบ้างสักนิดหนึ่ง แต่ไม่มากพอที่จะเอาชนะมารได้ และบางครั้ง เราเริ่มเห็นตัวเราเองในด้านลบชัดเจนขึ้น เมื่อมารได้แทรกเข้ามาทั้งตัว เราจึงเริ่มรู้ทันว่าสิ่งที่ทำนั้นผิดพลาดไปแล้ว แต่เพียงคิดได้แวบเดียวดังไฟมีประกายชั่วครู่ก็ดับไป ไม่อาจต้านทานได้อีก จากนั้น ก็ยอมรับสิ่งที่ตนเองทำทั้งๆ ที่ไม่ดีนั้นในที่สุด เพราะไม่อาจทนความรู้สึกผิดในใจของตนเองได้ จึงกลบเกลื่อนว่าตนถูกต้องแล้ว บางครั้ง แม้รู้ว่าสิ่งที่ตนทำไปนั้นผิด แต่ไม่เข้าใจตนเองว่าทำไปทำไม บางครั้งเหมือนไม่เป็นตัวของตัวเอง ไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไรกันแน่ที่ทำไปเช่นนั้น สับสนในตัวเอง

๕) ช่วงมารเข้าแทรกทั้งดวงจิต
ช่วงนี้ ผู้ที่ถูกมารแทรกทั้งตัว จะถูกมารแทรกเข้าถาวร มารจะอยู่ในร่างกายของคนผู้นั้นตลอดทั้งวัน ควบคุมไม่ให้ใครมาฉุดช่วยเหลือให้พ้นจากภัยมารได้เลยแม้แต่สักนิดเดียว ยกเว้นยามกลางคืนที่นอนหลับแล้วเท่านั้น จิตของคนผู้ที่ถูกมารแทรกจะถูกกดไว้ ทำให้บางครั้งมีอาการปวดหัว เครียดง่าย และมึนศีรษะบ่อยๆ บ้างเหมือนคนจะเป็นไมเกรนก็มี จากนั้น เมื่อหลับลงไปแล้ว จิตมารจะออกจากกายสังขารคนผู้นั้นไปทำกิจต่างๆ เช่น ไปหาบริวาร ไปครอบงำใจคนที่เกี่ยวข้องในชีวิตรอบตัว ทำให้ตนเองได้ดี มีเงินมีตำแหน่งอย่างรวดเร็ว มีความสามารถพิเศษมากขึ้นผิดปกติ ในช่วงเวลาสั้นๆ ประสบความสำเร็จเร็วผิดปกติ แต่มีความเครียดอยู่เสมอ ไม่หาย กลายเป็นคนชอบคิด ชอบเครียด ชอบแค้นโดยไม่รู้ตัว เวลาแค้นหมายถึง เอาเรื่องคนที่เราเห็นว่าไม่ดี หรือผิด แบบชนะปล่อยวางไม่ได้นั่นแหละ แม้เขาจะดูเลวขนาดไหน แต่ถ้าเราเอาเรื่องเขาแบบไม่ยอมลดละ ก็คือ การแค้นโดยไม่รู้ตัวนั่นเอง ช่วงนี้ กรรมพอกพูนมากจนธรรมเสื่อมลงและจิตวิญญาณของเจ้าของร่างเดิมที่เคยดีอยู่กลายเป็นมารเต็มตัว ระยะนี้ บุคคลผู้นั้นได้เป็นมารสมบูรณ์แล้ว จิตวิญญาณของเขาเป็นมารอย่างแท้จริง แต่ฤทธิ์จะน้อยกว่ามารที่เข้ามาแทรกในกายนั้น และถูกมารนั้นครอบงำเป็นบริวารมารไป ก่อกรรมมากขึ้นเรื่อยๆ หยุดไม่ได้

๖) ช่วงมารแย่งชิงกายสังขาร
ช่วงนี้ มารได้ใช้ร่างกายของคนผู้นั้นมากพอแล้ว ก่อกรรมมากพอแล้ว ดลจิตดลใจให้คนผู้นั้นก่อกรรมมากพอแล้ว จนถึงวาระที่จิตวิญญาณเจ้าของร่างเดิมจะสิ้นบุญในที่สุด มารก็จะคิดครองร่างกายมนุษย์ผู้นั้น โดยการฆ่าจิตวิญญาณเก่าที่อาศัยในกายสังขารนั้น คนที่ถูกฆ่าโดยมารในลักษณะนี้จะรู้สึกเหมือนหลับแล้วตื่นขึ้นมาอีกทีก็ตกนรกเสียแล้ว ไม่อาจกลับเข้าร่างได้อีก ส่วนร่างกายนั้นจะกลายเป็นของมารไป มารจะอาศัยร่างกายและความทรงจำที่บันทึกไว้ในสมองเก่าก่อนนั้น สวมรอยเป็นคนผู้นั้นได้อย่างแนบเนียนมาก จนวันหนึ่งถึงจะดูออกว่าคนผู้นั้น เปลี่ยนแปลงไปราวกับคนละคน ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไปแล้ว ช่วงนี้ เขาอาจรู้ตัวได้ว่าเขาไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป เขากลายเป็นคนเพราะการยึดครองร่างโดยสมบูรณ์ และอาจระลึกไม่ได้ว่าตนเป็นใครมาจากไหน แต่จะสงสัยนิดๆ ว่าตนเป็นคนนั้นคนนี้ มาจากนั่นจากนี่ บ้างก็ไม่รู้เลย แต่ความเป็นมารไม่ได้ลดลงไปเลย
อนึ่ง มารเมื่อเข้าแทรกแรกๆ จะแค่ดลจิตดลใจให้เราทำกรรมเล็กๆ ที่เราคิดว่าทำถูก แต่เราไม่ทันได้คิดให้รอบคอบ ไม่คิดให้ละเอียด ได้ทำกรรมลงไปแล้ว เมื่อมารทำได้สำเร็จก็จะครอบงำเราต่อ เมื่อนั้น เราจะรู้สึกได้ทันทีถึงความไม่เป็นตัวของตัวเอง บางครั้ง ก็สงสัยว่าฉันเป็นอะไรไปนะ เหมือนไม่เป็นตัวเองเลย หรือนี่ฉันทำอะไรลงไปนี่ เป็นต้น
Cr. พุทธบาท โอกาสแห่งการชำระกรรม ด้วยแสงธรรมไร้ประมาณ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น