วันพุธที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

ภิกษุที่แท้จริง



สวัสดี เช้าวันใหม่ค่ะลูกๆ 
วันนี้ 
อาม่าจะมาอธิบายคำว่าภิกษุที่แท้จริง
คำว่า "ภิกษุ" ในความหมายพระพุทธศาสนานั้น
ไม่ได้หมายถึงเฉพาะนักบวช

จริงๆ แล้ว แปลว่า 
"ผู้เห็นภัยในสังสารวัฎ"
จึงหมายถึง ทุกๆคน ที่มองเห็นภัยอันเป็นทุกข์ในโลกนี้
ยามพระพุทธเจ้าแสดงธรรมว่า
"ภิกษุทั้งหลาย"
นั้น หลายคนเบือนหน้าหนี 
เพราะคิดว่าเป็นธรรมสำหรับพระ สำหรับนักบวช
แต่จริงๆแล้ว เป็นธรรมะสำหรับทุกคน
ที่เห็นภัยของการยึดมั่นถือมั่น ในโลกใบนี้
ทีนี้
เรามาต่อกันในการจำแนกของพระพุทธองค์
ในสมัยพุทธกาลนั้น 
พระพุทธองค์ได้ทรงเทศนารวมต่อชนกลุ่มใหญ่
พระพุทธเจ้าทรงกล่าวถึง 
ภิกษุประเภทหนึ่งว่าเป็น 
"นกแก้ว นกขุนทอง"
ภิกษุทั้งหลาย
"ภิกษุที่หมายถึงนี้เล่าเรียนปริยัติธรรม
(นานาชนิด)
แต่เธอไม่รู้ความหมายอันยิ่งใหญ่แห่งธรรม
นั้นด้วยปัญญา
ภิกษุนี้เราเรียกว่าผู้มากด้วยปริยัติ
(นักศึกษา)
ยังไม่ใช่ธรรมวิหารีผู้อยู่ด้วยธรรม
และได้ประโยชน์แห่งธรรม

อีกอย่างหนึ่ง 
ภิกษุแสดงธรรม 
ตามได้ฟังได้เรียนมาจากคนอื่นโดยเอียด 
แต่เธอไม่รู้ความหมายอันยิ่งใหญ่
ในธรรมนั้นด้วยปัญญา
ภิกษุนี้เราเรียกว่า 
ผู้มากด้วยการบัญญัติ
(นักเทศน์)
แต่ยังไม่ใช่ธรรมวิหารี 
อยู่ด้วยธรรมและได้ประโยชน์จากธรรม
อีกอย่างหนึ่ง 
ภิกษุทำการสาธยายธรรม 
ตามที่ได้ฟังได้เรียนมา 
แต่เธอไม่รู้ความหมายอันยิ่งใหญ่แห่งธรรมนั้นด้วยปัญญา
ภิกษุนี้เราเรียกว่า 
ผู้มากด้วยการสวด
(นักสวด)
ยังมิใช่ธรรมวิหารีผู้อยู่ด้วยธรรม
และได้ประโยชน์ในธรรม
อีกอย่างหนึ่ง 
ภิกษุคิดพล่ามไปในทางธรรม 
ตามได้ฟังได้เรียนมา 
แต่เธอไม่รู้ความหมายอันยิ่งแห่งธรรมนั้นด้วยปัญญา
ภิกษุนี้เราเรียกว่า 
ผู้มากด้วยการคิด
(นักคิดฟุ้งซ่าน)
ยังมิใช่ธรรมวิหารีปัญญาอยู่ด้วยธรรม
และได้ประโยชน์แห่งธรรม"
(คัดจากบาลี พระพุทธภาษิต ปญ.จก.อง.22/100/75)
ดังนั้น
ธรรมะที่ได้ยินได้ฟังมา 
ลูกๆจะต้องมีปัญญาในการเสพ และน้อมรับเอา
เราไม่ต้องไปเรียนมาก รู้มาก ศึกษามากหรอก
แค่รู้ในกายตน จิตตน รู้จักตน 
จนสลัดอุปาทานได้ แค่นั้นเอง

ผู้ที่สอนให้วาง ให้คลาย ให้ปล่อย
คือสอนให้คนเป็นพระอรหันต์
ผู้ที่สอนให้ยึด ให้ถือ ให้อยู่กับธรรมใดก็ตาม 
จนเราต้องหนัก ต้องแบก ต้องล้า
คือมิจฉาทิฐิ!!!!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น