691.. สมถะ..วิปัสสนา.มหามุทรา..
...ภาวนาแท้จริง คือ.. การลุถึงจิตในสภาวะธรรมชาติของมัน โดยไม่ปรุงแต่ง สิ่งใดขึ้นมา
......บุคคล พวกมีอินทรีย์แก่กล้า ย่อมเข้า ถึงแก่นแท้ได้ทันที ไม่ต้องผ่าน ทั้ง สมถะ และวิปัสสนา แต่คนส่วนมาก เริ่มต้นด้วย”..สมถะที่มีนิมิต”.. เช่น ท่อนไม้ ก้อนหิน รูปเคารพ หรือเสียง หรือปฏิบัติปราณ ฯลฯ แล้วจึงเข้าสู่”สมถะที่ไม่มีนิมิต” แล้วเข้าสู่วิปัสสนา เข้าสู่.มหามุทรา
#...สมถะ คือ ภพอันสงบ สดใส และปราศจากการคิด
- ๑. ไม่ปล่อยให้จิตส่งออกไปกับวัตถุใด ๆ ทั้งภายในและภายนอก พักอยู่ ในความสดชื่น ตามธรรมชาติ
- ๒. ไม่ควบคุมกาย วาจา ใจ เคร่งครัดเกินไป แต่พักอย่างเป็นอิสระ
- ๓. พักอยู่ในความใสกระจ่าง แห่งการรู้ และการตื่นในตนเอง
" ไม่วอกแวก " " ไม่ภาวนา " " ไม่ปรุงแต่ง "
- $.. เมื่อจิตละจากการกระทำ เรียก " อนิมิตตวิโมกข์ "
- $.. เมื่อจิตปัจจุบันเป็นอิสระ จากความวุ่นวาย เรียก " เป็นสุญญตวิโมกข์
- $..เมื่อจิตเป็นอิสระจากความ คาดหวัง ตัณหา เรียก " อัปนิหิต วิโมกข์ "
- *..การพักอยู่ในธรรมชาติแห่งจิต ขั้นแรก จะรู้สึกกระวนกระวายมากกว่าเดิม มีความคิดมากกว่าเดิม อุปมาได้กับ”น้ำตกจากหน้าผา”
- *...พอสติรู้ทัน ควบคุมความคิดได้ รู้สึกผ่อนคลาย สัมผัสความสุข อุปมาได้กับ “กระแสน้ำไหลริน “
- *.. ได้รับแต่ความสุข ปราศจากทุกขเวทนาใด ๆ จิตใจใสกระจ่างปราศ จากความคิด ไม่สนใจวันและคืนที่ผ่านไป ไม่เคลื่อนไหวได้นานเท่านาน ได้พบญาณทัสสนะอันวิเศษ อุปมาได้กับ”มหาสมุทรแห่ง ความสงบ “นี้คือขั้นสุดท้ายของสมถะ
- ***….การเห็นแก่นแท้ของความคิดอย่างชัดแจ้งฉับพลันเป็นสมถะ สมถะพื้นฐานที่สำคัญ ยังไม่ใช่เป็นส่วนหลักแห่งมหามุทรา จะยังไม่สามารถอยู่เหนือกรรมและวิบากในภพ ทั้งสามได้
- ***..วิปัสสนาที่แท้ หมายถึง การเห็นแจ้งแก่นแท้แห่ง จิต ซึ่งเป็นความรู้จักตัวเอง พบสภาวะ การตื่นในความจริงและการเห็นแจ้งตามธรรมชาตินี้ ความตื่นรู้ซึ่งรู้เห็นอารมณ์ อยู่ในความว่าง ไม่แยกจากกัน
- " เมื่อเธอไม่ทำใจให้หยุดเฉย เสียแล้ว
- ไม่ว่าสิ่งใด ปรากฏเป็น อายตนะทั้งหก
- ทุกสิ่งล้วนเป็นสายธาร สู่การหลุดพ้น ทั้งสิ้น
- เธอ รู้หรือไม่ นักภาวนา" ไม่ปล่อยใจให้วอกแวก คือ มหามุทรา "
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น