681. สัพพัญญู .กับ..กาลเวลา.
..+++.พระพุทธะ มี ๔ คือ
- ..สุตพุทธะ - ภิกษุผู้เป็นพหูสูต
- ..จตุสัจจพุทธะ - ภิกษุผู้เป็นพระขีณาสพ( อาสวะสิ้นแล้ว)
- ...ปัจเจกพุทธะ -พระองค์แทงตลอดปัจเจกพุทธญาณ
- .. สัพพัญญูพุทธะ.-พระองค์ผู้บำเพ็ญบารมี ๔-๘-๑๖ อสงไขย กำไรแสนกัปผู้บำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศ แล้วบรรลุพระสัมมาสัมโพธิ
- ..#.. ในพุทธะ ๔ เหล่านี้ พระสัพพัญญูพุทธะ ชื่อว่า ไม่มีพระองค์ที่ ๒ จะเสด็จอุบัติร่วมกับพระสัพพัญญูพุทธะพระองค์นั้น ก็หาไม่.
- @..สัพพัญญู -. ผู้ทรงรู้ธรรมทั้งปวงตามความเป็นจริง พระองค์มีสัพพัญญุตา (พระญาณประเสริฐ) เป็นพระนามหนึ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยไม่มีใครเป็นผู้สอน
- ....ทรงเป็นบุคคลผู้เลิศที่สุด ประเสริฐที่สุด มีพระมหากรุณาที่จะเกื้อกูลสัตว์โลก
- ....ทรงรู้ธรรมทั้งปวงที่เป็นสภาพธรรมที่เป็น สังขตธรรม(จิต –เจกสิก- รูป) และ อสังขตธรรม ( พระนิพพาน)
- ..ทรงรู้ธรรมทั้งปวง ทั้งในอดีต อนาคตและปัจจุบัน และ ทรงรู้บัญญัติธรรม คือ เรื่องราวทางโลกทุกๆ อย่างด้วย
- $..พระพุทธองค์ตรัสว่า”..เมื่อเราเดินไปก็ดี หยุดอยู่ก็ดี หลับก็ดี ตื่นก็ดี ญาณทัสสนะปรากฏแล้วเสมอติดต่อกันไปดังนี้
- “.. ก็เราเพียงต้องการเท่านั้น ย่อมจะระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง..... ตลอดสังวัฎวิวัฎกัปเป็นอันมาก ในภพโน้นเรามีชื่อย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้วได้ไปเกิดในภพโน้น... เราย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศด้วยประการฉะนี้
- “... เราเพียงต้องการเท่านั้น ย่อมจะเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติกำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดีตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ซึ่งเป็นไปตามกรรมว่าสัตว์เหล่านี้
- #..ในบทพุทธคุณ(อิติปิโสห้องแรก) จะบอกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ๙ อย่าง จึงย่อเป็น ๓ คือ
- ๑. พระปัญญาคุณ ทรงมีพระปัญญาที่รู้สภาพธรรมทุกอย่างไม่มีเหลือ
- ๒. พระวิสุทธิคุณ ทรงดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด
- ๓. พระกรุณาคุณ ทรงมีพระทัยเมตตากรุณาเกื้อกูลสัตว์โลก
- ...พระพุทธองค์ทรงมีครบบริบูรณ์ มากกว่าสรรพสัตว์ทั้งปวงทั่วไตรภพ ดังนั้นคำตรัสของพระองค์ คือ พระธรรม คือ สัจจะความจริง มิแปรผันตลอดกาล มิมีสิ่งใดมาหักล้างได้
- ***...ส่วนบุคคลอื่นๆ..นอกจากพระพุทธเจ้า..จะเป็นพระปัจเจก พระอรหันต์ ผู้ทรงญาณ และปุถุชนมีกิเลส.จะไม่สามารถมี”พระสัพพัญญูพุทธะ.”..ได้เลย
- ..องค์ความรู้ยังมีขีดจำกัด มีเศร้าหมอง รู้ไม่กระจ่าง มีผิดพลาด.รู้ไม่ถึงที่สุด...
- ที่ข้าพเจ้ากล่าวมานี้..เพียงให้ผู้อ่าน..ตั้งสติพิจารณา..คำสอนต่างๆ..ในช่วงนี้ แม้จะเป็นคำสอนดีงาม..แต่ยังมิรู้แจ้งชัด.เหมือนพระพุทธเจ้า..จึงย่อมผิดพลาด ไม่ตรงสัจธรรมความจริงแท้ได้
- ..เมื่อรับฟัง พึงให้เทียบเคียงกับคำสอนของพระพุทธองค์ไว้..ถ้าไม่ตรง ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน..พึงวางใจห่างๆไว้ก่อน..ไม่ได้ให้ผลักใส เพียงแต่ให้พิจารณาให้ถ่องแท้เท่านั้น
- .***....บุคคลบางท่านมีญานหยั่งรู้..บอกถึงการเกิดของมนุษย์โลกเรา เกิดจาก การสร้างของมนุษย์จากดาวดวงอื่น.มาไม่กี่แสนปี ซึ่งไม่ตรงกับคำสอนของพระพุทธองค์..ที่ว่า..จิตวิญญาณไหลเวียนใน31ภพภูมิ นับอสงไขยไม่ถ้วน เป็นทะเลวัฏฏสงสาร
- ...นับแค่พระพุทธองค์สร้างบารมีในกัปปนี้..ก็หลายอสงไขยปีแล้ว...แล้วมนุษย์จะเพิ่งมาเกิดในโลกนี้ ไม่กี่แสนปี ได้อย่างไร?
- ..บุคคลนั้นอาจเห็นจริง..แต่เป็นญาณปุถุชน..จึงมิรู้แจ้ง..จึงหมองมัว.ไม่กระจ่าง.ไม่รู้ถึงที่สุด...ดังนั้นผู้อ่าน.เมื่อรับรู้..จงเรียนรู้ และ...พึงวางใจให้ถูก..สิ่งไหนถ้าไปค้านคำสอนพระพุทธองค์..อย่าพึ่งไปเชื่อ..เพราะจะบ่มเพาะ..”มิจฉาทิฏฐิ”ในใจเราได้..สาธุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น