วันจันทร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2560

681. สัพพัญญู .กับ..กาลเวลา.

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

681. สัพพัญญู .กับ..กาลเวลา.
..+++.พระพุทธะ มี ๔ คือ
    • ..สุตพุทธะ - ภิกษุผู้เป็นพหูสูต
    • ..จตุสัจจพุทธะ - ภิกษุผู้เป็นพระขีณาสพ( อาสวะสิ้นแล้ว)
    • ...ปัจเจกพุทธะ -พระองค์แทงตลอดปัจเจกพุทธญาณ
  • .. สัพพัญญูพุทธะ.-พระองค์ผู้บำเพ็ญบารมี ๔-๘-๑๖ อสงไขย กำไรแสนกัปผู้บำเพ็ญบารมี ๓๐ ทัศ แล้วบรรลุพระสัมมาสัมโพธิ
  • ..#.. ในพุทธะ ๔ เหล่านี้ พระสัพพัญญูพุทธะ ชื่อว่า ไม่มีพระองค์ที่ ๒ จะเสด็จอุบัติร่วมกับพระสัพพัญญูพุทธะพระองค์นั้น ก็หาไม่.
  • @..สัพพัญญู -. ผู้ทรงรู้ธรรมทั้งปวงตามความเป็นจริง พระองค์มีสัพพัญญุตา (พระญาณประเสริฐ) เป็นพระนามหนึ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผู้ทรงตรัสรู้ด้วยพระองค์เองโดยไม่มีใครเป็นผู้สอน
  • ....ทรงเป็นบุคคลผู้เลิศที่สุด ประเสริฐที่สุด มีพระมหากรุณาที่จะเกื้อกูลสัตว์โลก 
  • ....ทรงรู้ธรรมทั้งปวงที่เป็นสภาพธรรมที่เป็น สังขตธรรม(จิต –เจกสิก- รูป) และ อสังขตธรรม ( พระนิพพาน)
  • ..ทรงรู้ธรรมทั้งปวง ทั้งในอดีต อนาคตและปัจจุบัน และ ทรงรู้บัญญัติธรรม คือ เรื่องราวทางโลกทุกๆ อย่างด้วย
  • $..พระพุทธองค์ตรัสว่า”..เมื่อเราเดินไปก็ดี หยุดอยู่ก็ดี หลับก็ดี ตื่นก็ดี ญาณทัสสนะปรากฏแล้วเสมอติดต่อกันไปดังนี้
  • “.. ก็เราเพียงต้องการเท่านั้น ย่อมจะระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก คือระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง..... ตลอดสังวัฎวิวัฎกัปเป็นอันมาก ในภพโน้นเรามีชื่อย่างนั้น มีโคตรอย่างนั้น มีผิวพรรณอย่างนั้น ครั้นจุติจากภพนั้นแล้วได้ไปเกิดในภพโน้น... เราย่อมระลึกถึงชาติก่อนได้เป็นอันมาก พร้อมทั้งอาการ พร้อมทั้งอุเทศด้วยประการฉะนี้
  • “... เราเพียงต้องการเท่านั้น ย่อมจะเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติกำลังอุบัติ เลว ประณีต มีผิวพรรณดี มีผิวพรรณทราม ได้ดีตกยาก ด้วยทิพยจักษุอันบริสุทธิ์ล่วงจักษุของมนุษย์ ย่อมรู้ชัดซึ่งหมู่สัตว์ซึ่งเป็นไปตามกรรมว่าสัตว์เหล่านี้
  • #..ในบทพุทธคุณ(อิติปิโสห้องแรก) จะบอกถึงคุณของพระพุทธเจ้า ๙ อย่าง จึงย่อเป็น ๓ คือ
    • ๑. พระปัญญาคุณ ทรงมีพระปัญญาที่รู้สภาพธรรมทุกอย่างไม่มีเหลือ
    • ๒. พระวิสุทธิคุณ ทรงดับกิเลสทั้งหลายทั้งปวงได้อย่างเด็ดขาด 
    • ๓. พระกรุณาคุณ ทรงมีพระทัยเมตตากรุณาเกื้อกูลสัตว์โลก
  • ...พระพุทธองค์ทรงมีครบบริบูรณ์ มากกว่าสรรพสัตว์ทั้งปวงทั่วไตรภพ ดังนั้นคำตรัสของพระองค์ คือ พระธรรม คือ สัจจะความจริง มิแปรผันตลอดกาล มิมีสิ่งใดมาหักล้างได้
  • ***...ส่วนบุคคลอื่นๆ..นอกจากพระพุทธเจ้า..จะเป็นพระปัจเจก พระอรหันต์ ผู้ทรงญาณ และปุถุชนมีกิเลส.จะไม่สามารถมี”พระสัพพัญญูพุทธะ.”..ได้เลย
  • ..องค์ความรู้ยังมีขีดจำกัด มีเศร้าหมอง รู้ไม่กระจ่าง มีผิดพลาด.รู้ไม่ถึงที่สุด...
  • ที่ข้าพเจ้ากล่าวมานี้..เพียงให้ผู้อ่าน..ตั้งสติพิจารณา..คำสอนต่างๆ..ในช่วงนี้ แม้จะเป็นคำสอนดีงาม..แต่ยังมิรู้แจ้งชัด.เหมือนพระพุทธเจ้า..จึงย่อมผิดพลาด ไม่ตรงสัจธรรมความจริงแท้ได้
  • ..เมื่อรับฟัง พึงให้เทียบเคียงกับคำสอนของพระพุทธองค์ไว้..ถ้าไม่ตรง ไม่เป็นไปในทิศทางเดียวกัน..พึงวางใจห่างๆไว้ก่อน..ไม่ได้ให้ผลักใส เพียงแต่ให้พิจารณาให้ถ่องแท้เท่านั้น
  • .***....บุคคลบางท่านมีญานหยั่งรู้..บอกถึงการเกิดของมนุษย์โลกเรา เกิดจาก การสร้างของมนุษย์จากดาวดวงอื่น.มาไม่กี่แสนปี ซึ่งไม่ตรงกับคำสอนของพระพุทธองค์..ที่ว่า..จิตวิญญาณไหลเวียนใน31ภพภูมิ นับอสงไขยไม่ถ้วน เป็นทะเลวัฏฏสงสาร
  • ...นับแค่พระพุทธองค์สร้างบารมีในกัปปนี้..ก็หลายอสงไขยปีแล้ว...แล้วมนุษย์จะเพิ่งมาเกิดในโลกนี้ ไม่กี่แสนปี ได้อย่างไร?
  • ..บุคคลนั้นอาจเห็นจริง..แต่เป็นญาณปุถุชน..จึงมิรู้แจ้ง..จึงหมองมัว.ไม่กระจ่าง.ไม่รู้ถึงที่สุด...ดังนั้นผู้อ่าน.เมื่อรับรู้..จงเรียนรู้ และ...พึงวางใจให้ถูก..สิ่งไหนถ้าไปค้านคำสอนพระพุทธองค์..อย่าพึ่งไปเชื่อ..เพราะจะบ่มเพาะ..”มิจฉาทิฏฐิ”ในใจเราได้..สาธุ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น