.
(1)จิตใหม่คือ จิตที่ถอดออกมาจากจิตหลัก ขนาดเม็ดถั่วเขียว
อยู่ที่สมอง ที่ยังหลงผิด คิดว่ากายเนื้อคือตัวตนเจ้า [ กายหยาบ ]
(2)ร่างกายเจ้า คือ กำแพงแก้ว[ กายใน ]+รั้วไม้ประดับ [ กายเนื้อ ]
(3)กายใน คือ กำแพงแก้ว [ ร่างอากาศธาตุ หน้าตาเหมือนร่างกายเนื้อ ]
ที่เป็นกระจกใส-ที่มองออกไปนอกรั้วกำแพงได้
(4)กายเนื้อ คือ รั้วไม้ประดับนอกกำแพงบ้าน สวยงาม-ขี้เหล่ ตามแรงบุญ
(5)ลำตัวเจ้า คือ บ้านมีชาน มีห้องผลึกแก้ว 1 ห้อง กลางบ้าน
(6)กายเก่า คือสัญญากรรมเจ้า มีเป็นสิบ-เป็นร้อยตัว นอนเล่นที่ชานบ้าน
คือตัวเจ้าเอง ที่เคยเกิดในแต่ละชาติ คน เทวดา เปรต พรหม นาคราช ฯลฯ
บางคนมีแสงสว่างออกจากตัว บางคนมีผิวกายที่สะอาด
บางคนมีสีต่างๆที่ตัว บางคนเนื้อตัวมอมแมม สกปรก หรือมี หมา แมว ฯลฯ
(7)จิตเดิมคือ ห้องผลึกแก้ว กลางบ้าน มีพ่อ-แม่เจ้าอยู่ในห้องผลึกแก้ว
นั่นคือ พระพุทธเจ้า กับ พระแม่ธรณี ที่ต่อสายจิตลงมา
เมื่อเจ้าคิดถึงพระพุทธองค์ และพระราชมารดา
(8)เจ้ากรรม คือ คู่กรณีของกายเก่า แต่ละตัว
รอเจอคู่กรณีกายเก่า คู่ใคร คู่มัน อยู่นอกกำแพงบ้าน
(9)นายเวร คือ พัศดีเจ้าหน้าที่ควบคุมความประพฤติ สามารถเข้าไป
ข้างในบ้านได้ เพื่อตรวจเวร-ควบคุมความประพฤติ กายเก่าบางตัว
.
(1)กายเก่าของเจ้า จะพาเจ้า ออกเที่ยวนอกบ้าน นอกรั้วบ้าน
แต่เดินตามหลังเจ้า พูดคุยให้เจ้าได้ยินด้วยความคิด ที่หัวสมองเจ้า
เจ้าจะได้ยินตลอดเวลา ทั้งวัน ทั้งคืน มีสาระบ้าง ไร้สาระส่วนใหญ่
(2)กายเก่า จะพาเจ้าเดิน ขับรถ ไปหาคนนั้น ไปหาคนนี้ พูดกับคนนั้น
คุยกับคนนี้ เป็นเสียง หรือเป็นภาพในหัวสมองเจ้า แล้วเจ้าก็จะพูดตาม
เสียง[ ความคิด ] ที่เจ้าได้ยิน หรือภาพที่เจ้าเห็นในสมอง
(3)กายเก่าบางตัว พาเจ้าไปหาใครก็ไม่รู้ แค่เห็นก็รู้สึกรัก
ทั้งๆที่หน้าตาก็ไม่เท่าไหร่ แต่ทำไมคิดถึงจัง จนต้องพาตัวเข้าใกล้ชิด
จนจิตใหม่หลงรัก ไปกับกายเก่า (ที่อยู่ข้างหลัง) ไปด้วย
แต่สุดท้ายผู้ชายคนนั้น หลังจากฟันเจ้าแล้ว ค่อยๆหนีหน้าเจ้าตลอดเวลา
เจ้าก็คิดถึงๆผู้ชายคนนั้น จนถูกทิ้งถาวร กายเก่าตัวนั้น ก็หายตัวไปแล้ว
[ สัญญากรรมล้างหมดแล้ว ] แต่จิตใหม่รักและคิดถึงชายคนนั้นมาก
จึงเอาความรัก-ความคิดถึง ไประบายเป็นสีที่กำแพงรั้วบ้าน จนสกปรก
[บันทึกสัญญากรรมใหม่ ลงที่กายในใหม่ ]
(4)กายเก่าอีกตัว พาเจ้าออกนอกบ้าน เดินข้างหลังเจ้า(ร่างอากาศ)
ไปเจอคนๆหนึ่ง อยู่ๆคนๆนั้นก็เข้ามาหาเรื่อง มาด่า จะเข้ามาทำร้าย
[ มีร่างเงาเจ้ากรรม คู่กรณีกายเก่าเจ้า อยู่ข้างหลังชายคนนั้น ]
เจ้าก็สวนหมัดโครม จนทะเลาะกันขึ้นโรงขึ้นศาล ร่างเนื้อทั้งสองร่าง
แต่ร่างอากาศธาตุ คู่กรณีทั้ง กายเก่าเจ้า และร่างเงาของเขาหายไปแล้ว
ร่างสัญญากรรมทั้งสองถูกล้างแล้ว แต่กายในใหม่+จิตใหม่ทั้งคู่
ได้บันทึกสัญญากรรมลงในกายในใหม่ ทั้งสองคน เป็นสิ่งสกปรก
ที่ไปป้ายทาไว้ที่กำแพงแก้ว เรียบร้อยแล้ว ส่งต่อ*ร่างสัญญากรรม*
.
(1)การไม่มีสติ คือ กายเก่า[ สัญญากรรม ] พาจิตใหม่
ออกไปเที่ยวนอกกำแพงบ้าน [ นอกร่างกาย ] ด้วยความคิด
และกายเก่าออกไปจริง เดินตามหลังกายเนื้อเจ้า
และมีเชือกผูก*จิตใหม่* เชื่อมต่อกับ*ห้องผลึกแก้ว"จิตเดิมเอาไว้
(2)ทุกครั้งที่เจ้าท่อง*พุทโธ* ๆๆๆๆๆๆ ลอยๆ รัวๆ ในใจ
จิตเดิมจะกระตุกเชือกดึงจิตใหม่ กลับเข้าบ้านทันที ความคิดจะหายไป
(3)พอเจ้าลืม*พุทโธ*กายเก่าก็พาจิตใหม่ ออกนอกบ้านเหมือนเดิม
(4)ถ้าเจ้าท่อง*พุทโธ*ๆๆๆ ลอยๆ รัวๆ ได้ตลอดทั้งวัน-ทั้งคืนนั่นคือ*มหาสติ*
(5)ถ้าเจ้าท่อง*พุทโธ*ท่องบ้าง-ลืมบ้าง คือสติชั่วคราว(ขนิกกะสมาธิ)
(6)ถ้าเจ้านั่งสมาธิ หลับตา นั่นคือ จิตใหม่จะเข้าไปในห้องผลึกแก้ว(จิตเดิม)
มองไม่เห็นอะไร คือ
#สมถกรรมฐาน จะเกิดแสงสว่างที่ห้องผลึกแก้ว
กระจายผ่านชานบ้าน ที่กายเก่าเจ้าอยู่ และทะลุกำแพงแก้ว ออกนอกบ้าน
ไปถึงเจ้ากรรมทั้งหลาย ที่เป็นร่างวิญญานที่ยังไม่ได้เกิด รับแสงนั้นด้วย
ล้างสัญญากรรม ที่มีลักษณะเป็นเงาดำ จนหายไปในที่สุด
(7)ถ้าเจ้านั่งสมาธิ (สมถกรรมฐาน)จนจิตนิ่งอยู่ตัวแล้ว แล้วลืมตา
ด้วยตาเนื้อ แต่ที่หัวสมองเจ้า ไม่มีความคิดใดๆเลย แต่รู้ทุกสิ่งที่เจ้าเห็น
(8)เมื่อเจ้าเพ่งมองไปที่รั้วไม้ประดับ ซึ่งคือกายเนื้อเจ้า แล้วเห็นตับ ไต
ใส้ พุงตัวเองทั้งหมด โดยที่หัวสมองเจ้าไม่มีการคิด แต่จะมีเสียงคุยกับเจ้า
ในจิต อธิบายสิ่งต่างๆที่เจ้าเห็น ที่เกิดจากจิตเดิม(ห้องผลึกแก้ว)คุยกับเจ้า
(9)หากเจ้านั่งสมาธิ แต่ยังไม่เห็นอะไร แต่ที่หัวเจ้าคิดว่า ผม ขน เล็บ ฟัน
หนัง [ เกสา โลมา นะขา ทันตา ตะโจ ] ตามที่เคยถูกสอนมาว่าให้พิจารณา
ร่างกาย แสดงว่า จิตใหม่เจ้าออกจากห้องผลึกแก้ว ไปนอกตัวตามจิตใหม่เจ้า
การคิด แต่เจ้าจะเห็นด้วยตาในเจ้า และมีเสียงพูดออกมาจากในจิตเจ้า
(10)หากเจ้าเดินจงกรม ในหัวเจ้าจะต้องไม่มีความคิด มีแต่คำว่า พุทโธๆๆ
(11)หากเจ้าเดินจงกรม แล้วจู่ๆเจ้ากลับเห็นร่างกายเจ้า มี 2 คนเห็นตัวเอง
กำลังเดินจงกรมอยู่ แสดงว่า กายเก่าเจ้า พาจิตใหม่เจ้า
ถอดออกจากกายเนื้อ มาเป็นอีกร่าง เห็นกายเนื้อเจ้ากำลังเดินจงกรม
ตามปกติ เพราะถูกควบคุมด้วยจิตเดิม นั่นคือ #อริยะปัญญา
(12)ถ้าเจ้านั่งสมาธิ หลับตา จนกำแพงแก้ว ถอยตัวห่างจาก รั้วไม้ประดับ
แสดงว่า กายใน แยกจาก กายเนื้อแล้ว นั่นคือ
#ฌาน4 รอกายเก่าพา
จิตใหม่เจ้า ท่องมิติทิพย์ จิตเดิมอยู่เฝ้ารักษากายเนื้อ
(12)กายเก่าที่เป็นเทวดา จะพาจิตใหม่เจ้าเที่ยวแดนสวรรค์ หรือภพนาคราช
(13)กายเก่าที่เป็นพรหม จะพาเจ้าเที่ยวแดนพรหม ที่มีแสงสว่างสวยงาม
(14)จะเป็นกายเทวดา หรือกายพรหม สอนจิตใหม่เจ้าให้เดินจงกรม
(15)ถ้าจิตใหม่เจ้า เข้าไปในห้องผลึกแก้ว นอนหนุนตักแม่เจ้า ฟังเสียง
แม่เจ้ากล่อม จับมือแม่เจ้าที่แสนอบอุ่น แต่ยังรู้สึกตัวอยู่ นั่นคือ
(16)หากเจ้าหลับคาตักแม่เจ้า ไม่รู้สึกตัว แต่แสนอบอุ่นมีความสุขมาก
(17)ตั้งแต่ฌาน5 จนถึง นิโรทสมาบัติ จะไม่มีการเรียงตามลำดับ
จากฌาน4 กระโดดไปฌาน ไหนๆได้เลย ไม่เหมือนฌาน1 จนถึงฌาน4
.