วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาสูตร


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาสูตร
  • พระปณิธานในอดีต บุญบารมีและคุณธรรมของท่าน
  • ข้าพเจ้าสดับมาดังนี้ ครั้งหนึ่งพระศากยมุนีพุทธเจ้า ทรงเป็นเลิศในโลก กำลังเดินทางไปยังดินแดนต่างๆเพื่อโปรดเหล่าเวไนยสัตว์ ครั้งนั้นพระองค์ทรงเสด็จถึงยังนครไวศาลี(เวสสาลี) ทรงพักผ่อนพระอิริยาบทใต้ไม้แห่งเสียงดนตรี แวดล้อมด้วยเหล่าภิกษุผู้เป็นอรหันต์จำนวน ๘,๐๐๐ รูป เหล่าบริวารอันมีปริมาณมากสุดจะคณานับ ประกอบด้วยพระโพธิสัตว์ผู้ประเสริฐจำนวน ๓๖,๐๐๐ องค์ กษัตริย์ อำมาตย์ พราหมณ์ อุบาสก อุบาสิกา เทวดาจากทั้งแปดภูมิ รวมทั้งเหล่ามนุษย์และอมนุษย์อื่น ๆ ได้มารวมตัวกันด้วยความเคารพรอบ ๆ สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เพื่อฟังธรรมะอันประเสริฐจากพระโอษฐ์
  • ในครั้งนั้น พระโพธิสัตว์มัญชุศรี ผู้เป็นเจ้าแห่งธรรม ได้รับพลานุภาพทางปัญญาอันใหญ่หลวงจากองค์สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ลุกออกจากที่นั่ง ปรับลดจีวรของท่านเพื่อเปิดไหล่ขวา คุกเข่าขวาต่อเบื้องพระพักตร์ ค้อมศีรษะอย่างนอบน้อมพร้อมกับพนมมือ กล่าวแก่พระจอมมุนีด้วยความเคารพว่า "ข้าแต่ท่านผู้เป็นเลิศในโลกทั้งหลาย ข้าพระองค์ขอให้ท่านได้ทรงอธิบายพระนามและพระยศต่าง ๆ รวมทั้งปณิธานและคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เพื่อที่ผู้ที่ได้ยินได้ฟังคำสอนของพระองค์จะได้หลุดออกจากบ่วงของกิเลส และในอนาคตเหล่าเวไนยสัตว์ในกัปป์นี้จะได้รับรสอันเป็นเลิศของพระธรรม กับทั้งเพลิดเพลินยินดีในรสนั้น"
  • สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงกล่าวยกย่องพระมัญชุศรีโพธิสัตว์ว่า "ช่างดีแท้ ดีแท้ มัญชุศรี ด้วยความกรุณาอันใหญ่ยิ่ง เธอได้ขอให้ตถาคตอธิบายพระนามกับพระยศต่าง ๆ รวมทั้งปณิธาน และคุณธรรมอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย เพื่อที่ผู้ที่ได้ยินได้ฟังคำสอนของพระองค์จะได้หลุดออกจากบ่วงของกิเลส และในอนาคตเหล่าเวไนยสัตว์ในกัปป์นี้จะได้รับรสอันเป็นเลิศของพระธรรม กับทั้งเพลิดเพลินยินดีในรสนั้นในกัปป์อันคล้ายกับธรรมะกัปป์นี้ บัดนี้จงตั้งใจฟังและคิดตามอย่างละเอียด ซึ่งสิ่งที่ตถาคตจะเล่าให้ฟังต่อไปนี้"
  • พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ตอบว่า "ขอให้เป็นเช่นนั้นเถิด ท่านผู้ควรแก่การบูชา บรรดาข้าพระองค์ทั้งหลายจะตั้งใจฟังคำสอนของพระองค์ด้วยจิตอันเป็นเกษม"
  • สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแก่พระโพธิสัตว์มัญชุศรีดังนี้
  • "ในทิศตะวันออกของโลกใบนี้ ผ่านดินแดนพุทธเกษตรจำนวนนับไม่ถ้วน จำนวนมากกว่าเม็ดทรายในแม่น้ำคงคาสิบสายรวมกัน มีโลก ๆ หนึ่งชื่อว่าโลกแก้วไพฑูรย์ พระพุทธเจ้าในโลกนั้นทรงพระนามว่า พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต ผู้ทรงไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ไปดีแล้ว เป็นผู้รู้โลก สามารถฝึกบุรุษที่สมควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูสอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ เป็นพระพุทธเจ้าผู้ควรแก่การบูชาในโลกทั้งหลาย"
  • "ดูก่อน มัญชุศรี ในเมื่อพระไภษัชยคุรุผู้เป็นเลิศในโลก
  • (ผู้มีแสงวรกายสีนำเงิน)
  • ครั้งที่ยังได้เสวยชาติเป็นพระโพธิสัตว์อยู่นั้น พระองค์ได้ทรงตั้งปณิธานอย่างยิ่งไว้สิบสองข้อ เพื่อให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่สัตว์โลกปรารถนา"
  • ปณิธานข้อที่หนึ่ง
  • "ข้าขอตั้งปณิธานในอนาคตชาติ เมื่อข้าได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว จะมีรังสีอันสว่างเรืองรองฉายออกมาจากร่างของข้า ยังแสงสว่างอันไม่มีสิ้นสุดให้บังเกิดแก่ดินแดนจำนวนนับไม่ถ้วน ร่างนี้จะประดับด้วยมหาบุรุษลักษณะสามสิบสองประการ และลักษณะอันเป็นมงคล แปดสิบประการ ยิ่งไปกว่านั้น ข้าจะช่วยให้สัตว์โลกทั้งมวลเป็นเหมือนดังเช่นข้านี้"
  • ปณิธานข้อที่สอง
  • "ข้าขอตั้งปณิธานว่าในอนาคตชาติ เมื่อข้าได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ร่างของข้าทั้งภายนอกและภายใน จะฉายแสงไปกว้างไกลด้วยความผ่องใสและความใสบริสุทธิ์ของแก้วไพฑูรย์ ร่างนี้จะประดับไปด้วยคุณธรรมอันประเสริฐ และดำรงอยู่อย่างสงบท่ามกลางแสงที่พัวพันกัน สว่างเรืองรองมากกว่าพระอาทิตย์และพระจันทร์ แสงนี้จะปลุกให้จิตของสัตว์โลกตื่นขึ้นมาจากความมืด และช่วยให้สัตว์โลกดำเนินไปได้ตามทางของการอธิษฐานของตน"
  • ปณิธานข้อที่สาม
  • "ข้าของตั้งปณิธานว่าในอนาคตชาติ เมื่อข้าได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ข้าจะมอบของดี ๆ จำนวนมีไม่จบสิ้นให้แก่เหล่าสรรพสัตว์เพื่อตอบสนองความต้องการทางร่างกายของพวกเขา เหล่าสัตว์นี้จะไม่มีวันอยากได้อะไรอีกเลย"
  • ปณิธานข้อที่สี่
  • "ข้าขอตั้งปณิธานว่าในอนาคตชาติ เมื่อข้าได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ข้าจะนำพาผู้ที่เดินตามทางของเดียรถีย์นอกศาสนาให้ไปในทางสู่การตรัสรู้ และข้าฯจะนำพาผู้ที่เดินตามทางของสาวกยานและของพระปัจเจกพุทธเจ้า ให้มาสู่เส้นทางของมหายาน"
  • ปณิธานข้อที่ห้า
  • "ข้าขอตั้งปณิธานว่าในอนาคตชาติ เมื่อข้าได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ข้าจะช่วยเหลือสรรพสัตว์จำนวนเหลือคณานับที่ประพฤติตนอยู่ในธรรม ให้มีศีลสะอาดบริสุทธิ์ ศีลนั้นได้แก่ศีลรากฐานสามข้อของพระโพธิสัตว์ แม้แต่ผู้ที่ล่วงละเมิดศีลเหล่านี้ก็จะได้รับความบริสุทธิ์ของตนเองกลับมาหากได้ยินชื่อของข้า และก็จะไม่ตกลงสู่ทางแห่งอบายอีกต่อไป"
  • ปณิธานข้อที่หก
  • "ข้าขอตั้งปณิธานว่าในอนาคตชาติ เมื่อข้าได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว เหล่าสัตว์ที่มีร่างไม่สมบูรณ์ - ประสาทรับรู้ไม่ปกติ รูปร่างน่าเกลียด โง่ ตาบอด ใบ้ หูหนวก พิการ หลังค่อม เป็นขี้เรื้อน เป็นบ้า หรือทุกข์ทรมานด้วยโรคภัยอื่นใด - หากได้ยินชื่อของข้าแล้ว จะมีร่างกายสมบูรณ์ กอปรไปด้วยสติปัญญา มีประสาทรับรู้เป็นปกติ สัตว์เหล่านี้จะปลอดจากโรคภัยและความทุกข์ทั้งปวง"
  • ปณิธานข้อที่เจ็ด
  • "ข้าขอตั้งปณิธานว่าในอนาคตชาติ เมื่อข้าได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว เหล่าสัตว์ที่ป่วยอยู่ด้วยโรคต่าง ๆ ผู้ซึ่งไม่มีใครช่วยเหลือ ไม่มีที่จะหันไปหา ไม่มีหมอ ไม่มียา ไม่มีครอบครัว ไม่มีบ้าน - ผู้ซึ่งยากไร้และทนทรมาน - หากได้ยินชื่อของข้าผ่านหูแล้วไซร้ จะหายจากโรคทั้งหลาย ด้วยกายและใจที่สงบและ สัตว์เหล่านี้จะเพลิดเพลินกับบ้าน ครอบครัว และทรัพย์สมบัติมหาศาล และจะบรรลุถึงพระอนุตตรสัมโพธิญาณในท้ายที่สุด"
  • ปณิธานข้อที่แปด
  • "ข้าขอตั้งปณิธานว่าในอนาคตชาติ เมื่อข้าได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว หญิงทั้งปวงที่เบื้อหน่ายกับ ‘โรคเป็นร้อย ๆ ที่เกิดแก่หญิง’ และปรารถนาจะหลุดจากกายอันเป็นหญิงนี้ หากได้ยินชื่อของข้าแล้ว หญิงเหล่านี้จะบังเกิดใหม่เป็นชายทั้งสิ้น จะกอปรไปด้วยคุณลักษณะอันประเสริฐ และจะบรรลุถึงพระอนุตตรสัมโพธิญาณในท้ายที่สุด"
  • ปณิธานข้อที่เก้า
  • "ข้าขอตั้งปณิธานว่าในอนาคตชาติ เมื่อข้าได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว ข้าจะช่วยเหลือสรรพสัตว์ให้หนีรอดจากบ่วงของมาร และหลุดออกจากพันธนาการของเส้นทางนอกศาสนา"
  • "หากสัตว์เหล่านี้หลงติดอยู่ในป่าของมิจฉาทิฐิ ข้าจะนำพาสัตว์เหล่านั้นไปสู่สัมมาทิฐิ และค่อย ๆ ปลูกฝังการปฏิบัติของบรรดาพระโพธิสัตว์ทั้งหลาย สัตว์เหล่านี้จะบรรลุถึงการตรัสรู้อันประเสริฐ โดยรวดเร็ว"
  • ปณิธานข้อที่สิบ
  • "ข้าขอตั้งปณิธานว่าในอนาคตชาติ เมื่อข้าได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว แล้ว สรรพสัตว์ที่ถูกจองจำ กุมขัง พิพากษาประหารชีวิต หรือต้องทนทุกข์และถูกดูแคลนอยู่ด้วยโองการของพระราชา - รวมทั้งผู้ที่มีกายและใจเป็นทุกข์อยู่ด้วยการกดขี่ข่มเหงนี้ - สัตว์เหล่านี้เพียงแต่ได้ยินชื่อของข้า ก็จะหลุดพ้นจากภัยเหล่านี้ เพราะเหตุจากพลานุภาพของบุญบารมีที่ข้าได้บำเพ็ญเพียรมา"
  • ปณิธานข้อที่สิบเอ็ด
  • "ข้าขอตั้งปณิธานว่าในอนาคตชาติ เมื่อข้าได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว หากสัตว์ใดที่ทนทรมานอยู่ด้วยความหิวและกระหาย - จนถึงขนาดว่าได้กระทำอกุศลกรรมไปด้วยความจำเป็นที่จะต้องเอาชีวิตรอด - หากสัตว์เหล่านี้ได้มีโอกาสได้ยินชื่อของข้า และท่องชื่อของข้าด้วยจิตตั้งมั่นไม่เคลือบแคลงสงสัยกับทั้งแนบแน่นอยู่กับชื่อนี้ ข้าก็จะบันดาลให้สัตว์เหล่านั้นเพลิดเพลินใจกับอาหารกับเครื่องอันเป็นทิพย์ ในท้ายที่สุดข้าก็จะทำให้สัตว์นั้นตั้งมั่นอยู่ในดินแดนของความสงบและความสุข"
  • ปณิธานข้อที่สิบสอง
  • "ข้าขอตั้งปณิธานว่าในอนาคตชาติ เมื่อข้าได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว หากสัตว์ใดที่ยากจนข้นแค้น ไม่มีผ้าคลุมกายเพื่อปกป้องจากยุงและแมลง ทนกับความร้อนความหนาว และทนทุกข์อยู่ทั้งกลางวันกลางคืน หากสัตว์นี้ได้ยินชื่อของข้า และท่องชื่อของข้าด้วยจิตตั้งมั่นไม่เคลือบแคลงสงสัยกับทั้งแนบแน่นอยู่กับชื่อนี้ ความปรารถนาทั้งปวงของสัตว์นี้ก็จะเป็นไปเช่นนั้น สัตว์เหล่านี้จะได้รับเสื้อผ้าอาภรณ์นานาชนิด อันเป็นเลิศ มีเครื่องประดับล้ำค่า มาลัยดอกไม้และแป้งประทินอันมีกลิ่นหอมตระหลบ สนุกสนานสำราญไปกับเสียงดนตรีอันไพเราะกับความบันเทิงอันเกษม มากจนเท่าที่จะพอใจ"
  • "ดูก่อน มัญชุศรี นี่คือปณิธานทั้งสิบสองข้อที่ได้ตั้งไว้โดยพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคต ผู้ทรงไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ เป็นผู้ไปดีแล้ว เป็นผู้รู้โลก สามารถฝึกบุรุษที่ควรฝึกได้อย่างไม่มีใครยิ่งกว่า เป็นครูสอนของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานด้วยธรรม เป็นผู้มีความจำเริญจำแนกธรรมสั่งสอนสัตว์ เป็นพระพุทะเจ้าผู้ควรแก่การบูชาในโลกทั้งหลาย เมื่อครั้งท่านยังทรงเป็นพระโพธิสัตว์อยู่"
  • "ดูก่อน มัญชุศรี หากจะกล่าวถึงปณิธานอันยิ่งที่พระไภษัชยคุรุได้ทรงตั้งไว้ตั้งแต่ยังเสวยพระชาติเป็นพระโพธิสัตว์ รวมทั้งบุญบารมีกับทั้งเครื่องประดับทั้งหลายในพุทธเกษตรของพระองค์แล้ว ตถาคตสามารถบรรยายได้หมด แม้ว่าจะพูดไปเป็นเวลาหนึ่งกัปป์ก็ตาม แต่อย่างไรก็ตาม พุทธเกษตรที่ว่านี้มีความใสสะอาดยิ่ง เธอจะไม่พบสิ่งล่อลวงทั้งหลาย ไม่พบทางแห่งอบายหรือเสียงร้องของความทุกข์ ณ ที่นั้นเลย"
  • "ในดินแดนแห่งนี้ พื้นดินเป็นแก้วไพฑูรย์ เขตแดนต่าง ๆ กั้นไว้ด้วยสายทองคำ เมือง หอ วัง ศาลา ระเบียง หน้าต่างกับผ้าม่านต่างก็ทำด้วยสมบัติอันล้ำค่าทั้งเจ็ดประการ บุญบารมี คุณธรรมและเครื่องประดับในแดนพุทธเกษตรนี้เหมือนกับในพุทธเกษตรของพระอมิตาภพุทธเจ้าในทิศตะวันตก"
  • "ในดินแดนแห่งนี้มีพระโพธิสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่สองพระองค์ ได้แก่พระสูรยประภา(สุริยประภา)กับพระจันทรประภา ทั้งสององค์นี้เป็นประธานในหมู่พระโพธิสัตว์ใหญ่น้อยนับไม่ถ้วนในพุทธเกษตรนี้ ทั้งสองพระองค์นี้จะรับช่วงเป็นพระไภษัชยคุรุต่อไป และเป็นผู้ปกปักพิทักษ์สมบัติอันได้แก่อมตธรรมของพระองค์"
  • "ด้วยเหตุเหล่านี้เอง มัญชุศรี ชายและหญิงที่ เปี่ยมไปด้วยศรัทธาปสาทะควรจะตั้งจิตอธิษฐานให้ได้มา
  • เกิดในดินแดนนี้"
  • สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสแก่พระโพธิสัตว์มัญชุศรีต่อไปดังนี้
  • "มีสัตว์โลกบางจำพวกที่ไม่สามารถแยกแยะผิดถูกดีชั่วได้ สัตว์เหล่านี้เต็มไปด้วยความโลภ ไม่มีจิตกุศล ไม่ทำทาน ไม่เข้าใจถึงผลของการทำทานและการเอื้อเฟื้อ สัตว์เหล่านี้เต็มไปด้วยความไม่รุ้กับความโง่ เนื่องจากปราศจากพื้นฐานอันได้แก่ศรัทธา เขาจึงมุ่งแต่กอบโกยทรัพย์สินเงินทองอย่างขยันขันแข็ง เมื่อสัตว์นี้พบกับใครที่บอกบุญชวนให้ทำทาน พวกเขาจะเกิดความรำคาญ และถ้าถูกบังคับให้ทำทาน ก็จะรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวที่ต้องสูญเสียทรัพย์ของตนไป ราวกับว่ามีใครมาเฉือนเอาเนื้อของตนไปเช่นนั้น"
  • "ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีสัตว์อีกนับไม่ถ้วนที่ตระหนี่และละโมบ ใช้เวลาให้หมดไปแต่กับการเก็บหาทรัพย์สิน ไม่กล้าใช้ทรัพย์นั้นแม้กับตัวของเขาเอง อย่าว่าแต่กับพ่อแม่ ภรรยา สามี ลูก คนรับใช้หรือขอทานเลย เมื่อสัตว์เหล่านี้ตายลง ก็จะกลายเป็นเปรตที่หิวกระหายหรือไปเป็นสัตว์เดรัจฉาน"
  • "อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสัตว์เหล่านี้จะต้องเผชิญกับชะตากรรมเช่นนี้ หากชาติก่อนหน้าขณะที่ยังเป็นมนุษย์อยู่ เคยได้ยินพระนามของพระไภษัชยคุรุ กับทั้งนึกถึงพระนามและท่องพระนามนั้นแม้เพียงชั่วขณะ สัตว์นั้นก็จะหายตัวไปจากอบายภูมิทันที และเกิดใหม่เป็นมนุษย์ เมื่อสัตว์นี้เป็นมนุษย์แล้ว ก็จะรำลึกได้ถึงเคราะห์กรรมที่ตนเคยได้รับในอบายภูมิ ทำให้พวกเขาหยุดการแสวงหาความพึงพอใจทางโลกกับเนื้อหนัง พวกเขาจะยินดีประกอบกิจอันเป็นกุศล กับทั้งยกย่องผู้อื่นที่ทำเช่นนี้ และจะไม่ตระหนี่อีกต่อไป"
  • "ท้ายที่สุด พวกเขาก็จะสามารถทำได้แม้กระทั่งบริจาคศีรษะ ดวงตา แขนขา เลือด เนื้อ หรือส่วนอื่นใดของร่างกายตนให้แก่ผู้ที่จำเป็นต้องใช้อวัยวะเหล่านั้น อย่าว่าแต่ทรัพย์ภายนอกเลย"
  • "ยิ่งไปกว่านั้น มัญชุศรี ยังมีสัตว์โลกบางจำพวกที่ยอมรับคำสอนของเหล่าพระตถาคตเจ้าทั้งหลาย แต่ได้ประพฤติล่วงละเมิดศีล หรือหากไม่ละเมิดศีลก็ละเมิดข้อห้ามปลีกย่อย หรือหากไม่ละเมิดข้อห้ามปลีกย่อยก็กล่าวตาสัมมาทิฐิ หรือหากไม่กล่าวตู่สัมมาทิฐิ ก็ละเลิกการศึกษาเล่าเรียนพระธรรม อันทำให้ไม่สามารถอธิบายความหมายอันลึกซึ้งของพระธรรมที่พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงสั่งสอนไว้ได้ หรือหากสัตว์เหล่านี้ การศึกษาเล่าเรียนพระธรรม แต่กลับเป็นผู้หยิ่งยะโส เนื่องจากความยะโสทำให้จิตขุ่นมัว สัตว์นี้จึงคิดว่าตนเองเป็นฝ่ายถูกและคนอื่นเป็นฝ่ายผิด ด้วยเหตุเหล่านี้ สัตว์จำพวกนี้จึงให้ร้ายแก่พระธรรม และกลายเป็นพวกเดียวกับมาร"
  • "บุคคลที่หลงผิดเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะเดินตามทางของมิจฉาทิฐิเท่านั้น แต่ยังพาสัตว์โลกอื่น ๆ ให้หลงผิดตามกันไปด้วยจำนวนนับไม่ถ้วน สัตว์รวมทั้งหมดนี้จึงต้องวนเวียนอยู่ในอบายภูมิอันได้แก่แดนนรก แดนสัตว์เดรัจฉานกับแดนเปรต ไม่รู้จักจบจักสิ้น"
  • "แต่หากสัตว์นี้ตนใดได้ยินพระนามของพระไภษัชยคุรุ พวกเขาก็จะละเลิกแนวทางแห่งอบายนั้นเสีย และจะมาประพฤติตนอยู่ในสัมมาทิฐิและทางอันเป็นกุศล ดังนั้นจึงรอดพ้นจากการตกลงไปยังอบายภูมิได้
  • แม้แต่สัตว์ที่ยังไม่สามารถเลิกการประพฤติผิด หรือปลูกฝังคำสอนอันเป็นกุศล และได้ตกลงไปยังอบายภูมิแล้ว สัตว์เหล่านี้ก็ยังได้รับพรอันประเสริฐยิ่งจากปณิธานในอดีตของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า ด้วยพลานุภาพของพระปณิธาน หากเหล่าสัตว์นี้ได้ยินพระนามของพระองค์แม้เพียงชั่วครู่ ชีวิตในแดนอบายก็จะจบลงและไปเกิดในมนุษยภูมิ พวกเขาจะยึดมั่นในสัมมาทิฐิ ศึกษาเล่าเรียนกับปฏิบัติธรรมเพื่อฝึกจิตของตนอย่างมุ่งมั่น และขยันขันแข็ง พวกเขาสามารถละทิ้งบ้านเรือนบวชเป็นภิกษุหรือภิกษุณี จะบูชาพระธรรมของบรรดาพระตถาคตเจ้าทั้งหลาย ด้วยความเห็นที่ชอบกับการปฏิบัติตนเช่นนี้ ก็จะเกิดความเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงความหมายอันลึกล้ำของพระธรรมคำสั่งสอน ละเลิกความยะโสทั้งปวง และเลิกกล่าวร้าย แก่นพระสัทธรรม เขาจะไม่มีมารเป็นเพื่อนอีกต่อไป หากจะค่อยดำเนินตามทางแห่งพระโพธิสัตว์ทั้งหลายและจะประสบความสำเร็จในเวลาอันสั้น"
  • นอกจากนี้ มัญชุศรี ยังมีสัตว์โลกบางจำพวกที่มีจิตละโมบ เต็มไปด้วยความอิจฉาริษยา ชอบแต่จะยกย่องตนเองและดูแคลนผู้อื่น สัตว์เหล่านี้จะไปเกิดในอบายภูมิทั้งสาม ต้องทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสเป็นเวลาไม่รู้กี่พันปี เมื่อใช้กรรมนี้เสร็จสิ้นแล้ว สัตว์เหล่านี้ก็จะมาเกิดในโลกมนุษย์เป็นวัว ม้า ลา หรืออูฐ จะถูกตีกับทำทารุณต่าง ๆ นานา จะหิวโหยกับยังต้องแบกสัมภาระอันหนักเดินไปยังที่ต่างๆ หากสัตว์เหล่านี้ได้เกิดเป็นมนุษย์ ก็จะเกิดมายากจน มีชาติตระกูลตต่ำ ต้องรับใช้ผู้อื่น รับฟังคำสั่งของผู้อื่นไม่มีวันได้เป็นอิสระ"
  • "อย่างไรก็ตาม หากสัตว์นี้ตนใดในชาติที่ผ่านมา ได้เคยได้ยินพระนามของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าผู้เป็นเลิศในโลก และด้วยกุศลกรรมนี้สามารถจำพระนามกับยึดถือพระองค์เป็นที่พึ่งสัตว์นั้นก็จะหลุดออกจากทุกข์ทั้งปวงด้วยอำนาจแห่งพระไภษัชยคุรุ ประสาทการรับรู้ของสัตว์เหล่านี้จะแหลมคม จะมีความฉลาดรอบรู้ แสวงหาพระธรรมอยู่ตลอดเวลา กับได้พบกับกัลยาณมิตรดีๆ พวกเขาจะหลุดพ้นออกจากบ่วงของมาร ทำลายเปลือกอันได้แก่โมหะลงได้ ยังแม่น้ำอันได้แก่กิเลสทั้งหลายให้เหือดแห้งไป กับทั้งยังหนีรอดจากความเป็นห่วงและความทุกข์ของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย"
  • "ยิ่งไปกว่านั้น มัญชุศรี ยังมีสัตว์บางจำพวกที่ชอบการทะเลาะวิวาท ทำให้แตกความสามัคคี กับเป็นความกับผู้อื่นในศาล สัตว์เหล่านี้เป็นเหมือนงูร้ายที่คอยแต่จะทำให้ผู้อื่นเกิดความทุกข์ ซึ่งเป็นการก่อเพิ่มบาปกรรมทุกชนิดด้วยกาย วาจา ใจของพวกเขา"
  • "สัตว์เหล่านี้วางแผนทำลายกันและกันอย่างไร้ปราณีกับทั้งยังเรียกผีเจ้าป่า เจ้าเขา นางไม้กับผีใน
  • ป่าช้าออกมา"
  • "สัตว์เหล่านี้ฆ่าสัตว์โลก และใช้เลือดเนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่านั้นเซ่นสรวงบูชายักษ์กับรากษส"
  • "สัตว์เหล่านี้อาจเขียนชื่อกับวาดรูปเหมือนของผู้ที่ตนเกลียดชัง สาปแช่งคนเหล่านั้นด้วยเวทมนตร์อันชั่วร้าย หรือพยายามฆ่าหรือทำร้ายคนเหล่านั้นด้วยยาพิษ ไสยศาสตร์ หรือผีดิบ
  • "อย่างไรก็ตาม หากเหยื่อของสัตว์เหล่านี้ได้ยินพระนามของพระไภษัชยคุรุแล้ว เวทมนต์ชั่วร้ายทั้งหมดนี้ก็ไม่อาจทำอันตรายเขาได้ นอกจากนี้ ทุก ๆ คนที่ได้ยินพระนามก็จะกอปรไปด้วยจิตเมตตากรุณา พยายามจะยังประโยชน์กับสันติสุขให้แก่ผู้อื่นอยู่เสมอ"
  • "พวกเขาจะละเลิกความคิดจะทำร้ายผู้อื่น จิตอันเต็มไปด้วยโทสะ และความพยาบาทของพวกเขาก็จะเปี่ยมไปด้วยความสุข และความพึงพอใจกับสิ่งที่ตนเองมีอยู่"
  • "พวกเขาจะเลิกทำร้ายผู้อื่น และจะหาทางยังประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นอยู่เป็นนิตย์"
  • "ยิ่งไปกว่านั้น มัญชุศรี ในหมู่พุทธบริษัททั้งสี่อันได้แก่ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา พร้อมทั้งชายหญิงที่เปี่ยมด้วยศรัทธา หากมีใครทีศีลแปดไม่ขาดเป็นเวลาหนึ่งปี หรือสามเดือน อุทิศกุศลนี้เพื่อไปเกิดใหม่ในแดนพุทธเกษตรตะวันตกของพระอมิตาภพุทธเจ้า ผู้ทรงเป็นพระพุทธเจ้าของชีวิตอันไม่สิ้นสุด เพื่อจะได้ฟังพระธรรมของพระองค์"
  • "หากการเกิดใหม่ในแดนสุขาวดีของสัตว์เหล่านี้ยังไม่เป็นการแน่นอน แต่ถ้าได้ยินพระนามของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าแล้วไซร้ เมื่อถึงเวลาที่สัตว์นี้กำลังจะตาย พระโพธิสัตว์ผู้ยิ่งใหญ่ทั้งแปด อันได้แก่ พระมัญชุศรี พระอวโลกิเตศวรโพธิสัตว์ พระมหาสถามปราปตโพธิสัตว์ พระอักษยมติโพธิสัตว์ พระรัตนจันทนโพธิสัตว์ พระไภษัชยราชโพธิสัตว์ พระไภษัชยสมุทคตโพธิสัตว์ และ พระไมเตรยโพธิสัตว์(พระเมตไตรย) จะเดินทางข้ามห้วงอวกาศลงมาเพื่อนำทางให้แกสัตว์นั้น สัตว์เหล่านั้นก็จะได้ไปเกิดใหม่ในดอกไม้แก้วหลากสี"
  • "ยิ่งไปกว่านั้น จะมีสัตว์บางจำพวกที่ได้ไปเกิดในแดนสวรรค์ เนื่องจากได้ยินพระนามของพระไภษัชยคุรุ แม้ว่าได้ไปเกิดในแดนสวรรค์แล้ว กุศลมูลของพวกเขายังไม่หมด จึงจะไม่ไปเกิดในอบายภูมิอีกต่อป เมื่อสัตว์เหล่านี้สิ้นอายุในสวรรค์ ก็อาจจะกลับมายังโลกมนุษย์เป็นพระจักรพรรดิผู้ปกครองเหนือทวีปทั้งสี่รอบเขาพระสุเมรุ พวกเขาจะปลดปล่อยสัตว์โลกจำนวนนับไม่ถ้วนให้เข้าสู่คุณธรรมทั้งสิบประการอย่างง่ายดายด้วยพลานุภาพอันยิ่งใหญ่ของเขา"
  • "หรือไม่เช่นนั้น สัตว์เหล่านี้จะไปเกิดในวรรณะกษัตริย์ พราหมณ์ หรือคนสามัญในตระกูลอันยิ่งใหญ่ มีทรัพย์สมบัติมากมายกับยุ้งฉางกับโรงนาที่เต็มล้น เขาจะมีรูปพรรณผ่องใสและประเสริฐ มีสมาชิกในครอบครัวกับคนรับใช้เป็นจำนวนมาก เป็นคนฉลาด มีปัญญา กล้าหาญมีพลานามัยสมบูรณ์ มีลักษณะดุจดังผู้กล้า และเช่นเดียวกันหากหญิงใดได้ยินพระนามของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า กับมีสมาธิแนบแน่นกับพระนาม ก็จะไม่ต้องมาเกิดในร่างของหญิงอีกเลย"
  • "ดูก่อน มัญชุศรี หลังจากที่พระไภษัชยคุรุได้ทรงตรัสรู้บรรลุพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณแล้ว พระองค์ก็ทราบด้วยญาณอันเกิดจากปณิธานในอดีตของพระองค์ ว่าสัตว์โลกทั้งหลายกำลังทนทุกข์อยู่ด้วยโรคต่าง ๆ เช่น ผอมแห้ง พิการ เป็นไข้ ท้องร่วง ดีซ่าน บางคนเป็นเป้าของมนตร์ดำหรือยาพิษ และบางคนก็มีอายุสั้นต้องตายก่อนเวลาอันควร ในขณะนั้น พระองค์มุ่งมั่นที่จะหยุดความทุกข์ทรมานเหล่านี้กับบรรลุพระปณิธาน พระองค์จึงเข้าสมาธิเรียกว่า "กำจัดทุกข์กับโรคของสัตว์โลกทั้งมวล"
  • "ทันทีที่พระองค์เข้าสมาธิ มีแสงเจิดจ้าฉายออกมาจากพระอุรนาในขณะที่พระองค์ทรงเอ่ยธารณีบทนี้:
  • นโม ภควเต ไภษัชยคุรุ ไวฑูรยปรภราชายะ ตถาคตาย อรฺหเต สมฺยกฺ สมฺพุทธาย
  • ตทฺยถา โอม ไภษชฺเย ไภษชฺเย ไภษชฺย สมุทฺคเต สฺวาหา
  • "ทันทีที่องค์พระไภษัชยคุรุได้เอ่ยธารณีนี้ออกมาท่ามกลางแสงสว่างอันเจิดจ้านี้ โลกธาตุทั้งหมดก็สนั่นหวั่นไหว แสงอันบรรเจิดจำนวนมากเปล่งออกมา ช่วยให้สัตว์โลกทั้งมวลรอดพ้นจากโรคภัยและทุกข์ทั้งปวง และเพลิดเพลินยินดีในความสงบ และความสุข"
  • "ดูก่อน มัญชุศรี ถ้าเธอพบเข้ากับชายหรือหญิงที่ป่วยเป็นโรค เธอควรชำระร่างกายของเขาเสมอ ๆ อาบน้ำกับล้างปากให้ เธอควรท่องธารณีนี้อย่างแน่วแน่ ๑๐๘ ครั้งให้ กับทั้งให้แก่อาหารของเขาหรือน้ำที่ได้เอาตัวแมลงออกไปแล้ว เมื่อเขาได้บริโภคอาหารหรือน้ำนั้น เขาก็จะหายจากโรคนั้น ๆ"
  • "ถ้าคนไข้ปรารถนาสิ่งใด และท่องธารณีนี้ ความปรารถนานั้นก็จะสัมฤทธิ์ผล จะปลอดจากโรคร้าย มีอายุยืนยาว และในขณะที่ความตายมาถึง ก็จะได้ไปเกิดในแดนพุทธเกษตรของพระไภษัชยคุรุ จะไม่มีการถอยหลังกลับไปอีกและจะบรรลุพระโพธิญาณในท้ายที่สุด"
  • "ด้วยเหตุนี้เอง มัญชุศรี ชายหรือหญิงที่บูชาพระไภษัชยคุรุย่างแน่วแน่ และถวายเครื่องบูชาต่าง ๆ ให้แก่พระองค์ จึงควรธ่องธารณีนี้เป็นประจำ อย่าให้หลุดจากจิตใจไป"
  • "นอกจากนี้ มัญชุศรี เมื่อได้ยินพระนามของพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตเจ้า ผู้ไกลจากกิเลส ตรัสรู้ชอบได้โดยพระองค์เอง ชายหญิงผู้ศรัทธาควรท่องและมีจิตแนบแน่นกับพระนามนี้"
  • "ทุก ๆ เช้า หลังจากที่ได้สนานกายกับทำความสะอาดฟันแล้ว ชายหรือหญิงควรจะถวายเครื่องบูชาอันประกอบด้วยดอกไม้หอม ธูป เครื่องลูบกาย พร้อมทั้งดนตรีแก่พระรูปของพระพุทธเจ้าพระองค์นี้ แล้วก็ควรคักลอกพระสูตรบทนี้หรือให้ผู้อื่นทำให้พร้อม ๆ กับท่องเนื้อความในพระสูตรด้วยจิตแน่วแน่ กับฟังคำอธิบายความหมายของพระสูตร"
  • "ชายหญิงเหล่านี้ ควรถวายสิ่งจำเป็นในชีวิตให้แก่พระอาจารย์ที่สอนพระสูตรนี้ คอยดูแลอย่าให้ขาดเหลืออะไร"
  • "ด้วยวิธีนี้ ชายหญิงผู้ศรัทธาจะได้รับการคุ้มครองจากพระพุทธเจ้าทั้งหลาย และจะบรรลุถึงพระอนุตตรโพธิญาณในท้ายที่สุด"
  • พระมัญชุศรีโพธิสัตว์จึงกล่าวแก่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "ข้าแต่ท่านผู้เป็นเลิศในโลก ข้าพระองค์ขอตั้งจิตอธิษฐานว่าในยุคที่เสมอเหมือนกับธรรมะยุคนี้ ข้าพระองค์จะใช้อุบายทุก ๆ อย่างเพื่อช่วยเหลือเหล่าชายหญิงที่มีศรัทธา ให้ได้ยินพระนามของสมเด็จพระพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า แม้ในขณะที่ชายหญิงนี้นอนหลับ ข้าพระองค์ก็จะปลุกจิตสำนึกของเขาให้ตื่นขึ้นด้วยพระนามของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า"
  • "ข้าแต่ท่านผู้เจริญ หากบุคคลผู้มีศรัทธาคนใด อ่าน ท่อง กับบูชาพระสูตรบทนี้ หรือสั่งสอนบรรยาย อธิบายความหมายแก่ผู้อื่น หรือคัดลอก หรือให้ผู้อื่นทำเช่นนั้น หรือเคารพบูชาพระสูตรนี้อย่างสุดจิตใจ ประดับพระสูตรด้วยดอกไม้หอม น้ำหอม ธูปหอม มาลัยดอกไม้ สร้อยคอ ธงทิวประดับ ผ้าคลุม ระบำ กับดนตรี ห่อหุ้มพระสูตรด้วยผ้าหลากสีอันมีค่า และหากเขาจัดเตรียมสถานที่สะอาด วางพระสูตรลงบนหิ้งบูชาที่ได้เตรียมไว้อย่างดีแล้ว ราชาแห่งสวรรค์ทั้งสี่(จตุโลกบาล) พร้อมด้วยเหล่าบริวาร กับทั้งทวยเทพทั้งหลายจำนวนนับแสนโกฏิจะเดินทางมายังที่แห่งนี้เพื่อถวายบูชาและปกป้องพระสูตรนี้"
  • "ข้าแต่ท่านผู้เป็นเลิศในโลก ที่ใดก็ตามที่พระสูตรได้เผยแผ่ไปและมีผู้คนทีสามารถยึดถือและปฏิบัติตามได้ ท่านพึงทราบว่า ด้วยพระบุญญาธิการแห่งพระปณิธานของสมเด็จพระไภษัชยคุรุ กับบารมีและพลานุภาพของพระนามของพระองค์ สถานที่แห่งนั้นจะปลอดจากการตายก่อนเวลาอันควร ในที่แห่งนั้น จะไม่มีภูติผี มารที่จะมาดูดเอาพลังชีวิตของชนทั้งหลายไปได้"
  • "แม้จะมีภูติผีดังกล่าว เหล่าชายหญิงผู้เปี่ยมไปด้วยศรัทธาปสาทะจะฟื้นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และยินดีกับสุขภาพแข็งแรง และจิตใจสงบ"
  • สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแก่พระมัญชุศรีดังนี้ "จงเป็นเช่นนั้นเถิด จงเป็นเช่นนั้นเถิด มัญชุศรี ทุกอย่างจะเป็นไปตามที่เธอได้พูดมา หากชายหญิงผู้เปี่ยมด้วยศรัทธาประสงค์จะถวายเครื่องบูชาแก่สมเด็จพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า เขาควรสร้างพระรูปของพระองค์ขึ้นมา แล้วนำพระรูปนั้นมาวางบนหิ้งบูชาที่บริสุทธิ์สะอาด"
  • "พวกเขาควรจะโปรยดอกไม้ต่าง ๆ เผาเครื่องหอมนานาชนิดกับประดับบริเวณด้วยธงทิว เขาควรจะถือศีลแปดเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน บริโภคเฉพาะอาหารที่บริสุทธิ์ ชำระร่างกายกับตกแต่งร่างกายด้วยของหอม สวมใส่เสื้อผ้าที่ใหม่สะอาด ทำจิตใจให้ผ่องแผ้ว ปราศจากความโกรธและความพยาบาท เขาควรฝึกฝนความเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขาให้แก่สัตว์โลกทั้งมวล ตั้งจิตปรารถนาที่จะช่วยสัตว์โลกให้ได้ประโยชน์กับสันติสุข เขาควรเล่นดนตรีและขับร้องบทสรรเสริญพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า เดินเวียนขวารอบ ๆ พระรูปของพระองค์ นอกจากนี้ ชายหญิงนี้ควรระลึกนึกถึงบุญญาธิการ คุณธรรมกับพระปณิธาน อ่านกับท่องพระสูตรนี้ พร้อมกับพิจารณาความหมายกับอธิบายความหมายนั้นให้แก่ผู้อ่าน"
  • "ด้วยเหตุนี้ ความปรารถนาทุกอย่างของพวกเขาจะสำเร็จผล ไม่ว่าจะเป็นอายุยืน ทรัพย์สิน หรือสิ่งอื่นใดก็ตาม เช่นตำแหน่งหน้าที่การงานหรือกำเนิดของบุตรธิดา"
  • "ยิ่งไปกว่านั้น หากสัตว์โลกใดที่ประสบกับฝันร้ายกับลางร้ายต่างๆ เช่น ฝูงนกแปลก ๆ หรือลางร้ายเป็นร้อย ๆ รอบ ๆ บ้าน เขาเพียงแต่บูชาสมเด็จพระไภษัชยคุรุตถาคตเจ้าด้วยเครื่องบูชาอันวิเศษทุกอย่าง ฝันร้าย ลางร้าย กับเครื่องหมายที่ไม่ดีเหล่านี้ก็จะหายไป ไม่สามารถทำร้ายได้อีก"
  • "หากสัตว์โลกใดมีความกลัวน้ำไฟ มีด ยาพิษ ตกเหว หรือสัตว์ร้ายเช่นช้าง สิงโต เสือ หมาป่า หมี งู แมงป่อง ตะขาบ กิ้งกือ ยุงอันเป็นพาหะโรค หรือตัวเรือด เขาเพียงแต่รำลึกถึงพระนามของพระไภษัชยคุรุ พร้อมกับถวายเครื่องบูชา ก็จะปลอดภัยจากความกลัวเหล่านี้ หากประเทศใดที่กำลังถูกรุกรานจากภายนอก หรือประสบเคราะห์กรรมจากการปล้นหรือก่อกบฎ ประชาชนในประเทศนั้นเพียงแต่รำลึกถึงพระนามของพระไภษัชยคุรุ พร้อมกับถวายเครื่องบูชา หายนะเหล่านี้ก็จะไม่เกิดขึ้น"
  • "ยิ่งไปกว่านั้น มัญชุศรี ยังมีชายหญิงที่เปี่ยมล้นด้วยศรัทธาบริสุทธิ์ ซึ่งไม่เคยบูชาพระองค์ใดมาก่อนตลอดชีวิตของเขา แต่หากได้ยึดเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึกถึงด้วยจิตแน่วแน่ สมาทานศีล ได้แก่ศีล ๕ ข้อของฆราวาส ศีล ๔๐๐ ข้อของพระโพธิสัตว์ ศีล ๒๕๐ ข้อของพระภิกษุ หรือศีล ๕๐๐ ข้อของภิกษุณี อย่างไรก็ตาม หากสัตว์เหล่านี้เหล่าใดได้ละเมิด"
  • "หากหญิงใดที่เคยประสบทุกข์ยากแสนสาหัสจากการให้กำเนิดลูก หากเธอได้ท่องพระนามของพระไภษัชยคุรุด้วยความจริงใจอย่างสูงสุด กับทั้งบูชา สรรเสริญกับถวายเครื่องบูชาแด่พระองค์ หญิงนั้นก็จะหลุดพ้นจากความทุกข์นั้น"
  • "ลูกที่เกิดจากหญิงเหล่านี้ จะไม่มีจุดบกพร่องใด ๆ มีรูปงาม ยังความเพลิดเพลินยินดีให้แก่ผู้พบเห็น จะมีประสาทรับรู้ที่แหลมคม ฉลาด และมีบุคลิกเรียบร้อยงดงาม ลูกของหญิงนี้จะไม่ค่อยเจ็บป่วยเลย และมารชั่วร้ายก็จะไม่มาดูดพลังชีวิตเอาไป"
  • สมเด็จพระจอมมุนี ผู้เป็นที่สรรเสริญของโลก ตรัสแก่พระอานนท์ดังนี้ "ตถาคตได้สาธยายถึงบุญบารมีกับคุณธรรมต่าง ๆ ของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า บุญบารมีกับคุณธรรมเหล่านี้เป็นข้อปฏิบัติอันลึกล้ำยิ่งนักของเหล่าพระตถาคตทั้งหลาย อธิบายได้ยาก เธอมีจิตศรัทธาต่อบุญบารมีนี้หรือไม่ อานนท์"
  • พระอานนท์เถระทูลตอบแก่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ผู้ทรงเป็นยอดในโลก ข้าพระองค์มิได้มีความสงสัยพระสูตรที่เหล่าพระตถาคตเจ้าได้ทรงสั่งสอนแต่ประการใดเลยพระเจ้าข้า ด้วยเหตุอันใดหรือ ก็เพราะเนื่องจากว่ากายกรรม วจีกรรม มโนกรรมของเหล่าพระตถาคตเปี่ยมไปด้วยความบริสุทธิ์ สะอาด ข้าแต่พระองค์ผู้ประเสริฐ ดวงตะวันกับดวงเดือนอาจจะไม่ส่องแสง เขาพระสุเมรุอันเป็นราชาแห่งขุนเขาอาจจะสั่นไหว แต่คำสั่งสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลายไม่เคยเปลี่ยนแปลง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ สัตว์โลกบางคน ซึ่งมีศรัทธาบกพร่อง อาจจะได้ยินข้อปฏิบัติของเหล่าพระพุทธเจ้าทั้งหลาย และคิดว่า “เราจะได้บุญบารมีหรือประโยชน์อันใดจากการท่องพระนามของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าเล่า” ด้วยการขาดศรัทธาเช่นนี้ สัตว์เหล่านี้จะเกิดความหลงผิด จึงทำให้ต้องเสียประโยชน์อันมหาศาลไป กับต้องอยู่ในอวิชชาอันมืดมนยาวนาน จะลงไปสู่อบายภูมิหมุนเวียนอยู่ในนั้นไม่รู้จบสิ้น"
  • สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสแก่พระอานนท์ว่า "หากสัตว์ใดได้ยินพระนามของสมเด็จพระไภษัชยคุรุสัมมาสัมพุทธเจ้า ตั้งจิตแน่วแน่กับพระนามของพระองค์โดยไม่มีความสงสัย ก็เป็นอันว่าทางแห่งอบายได้ปิดลงแล้วสำหรับสัตว์นั้น"
  • "ดูก่อน อานนท์ การปฏิบัติของเหล่าพระตถาคตทั้งหลายเป็นเรื่องยากที่จะเชื่อ ยากที่จะเข้าใจ แต่เธอยังสามารถยอมรับได้ เธอควรตระหนักว่านี่เป็นเพราะพระพลานุภาพอันมหาศาลขององค์สมเด็จพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า"
  • "ดูก่อน อานนท์ อม้เหล่าพระสาวก พระปัจเจกพุทะเจ้า และพระโพธิสัตว์ทั้งหลายซึ่งยังมิได้บรรลุถึงภูมิชั้นที่สิบ ก็ยังไม่เข้าใจไม่เชื่อในความจริงข้อนี้ มีแต่เพียงพระโพธิสัตว์ที่ห่างจากพระอนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณเพียงชาติเดียวเท่านั้น ที่จะเชื่อและเข้าใจ"
  • "ดูก่อน อานนท์ การเกิดเป็นมนุษย์นั้นยากแสนยาก แต่การเลื่อมใสศรัทธา บูชาพระรัตนตรัยกลับ ยากยิ่งกว่า การได้ยินพระนามขององค์สมเด็จพระไภษัชยคุรุสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ยิ่งยากขึ้นไปอีก"
  • "ดูก่อน อานนท์ พระพระไภษัชยคุรุได้ทรงบำเพ็ญบารมีเป็นพระโพธิสัตว์มานับชาติไม่ถ้วน ทรงสั่งสอนด้วยอุบายอันนับไม่ถ้วน กับทั้งได้ทรงตั้งพระปณิธานอันยิ่งใหญ่นับไม่ถ้วน หากตถาคตจะสาธยายอุบายกับปณิธานเหล่านี้ เวลาหนึ่งกัปป์จะหมดไปก่อนที่ตถาคตจะบรรยายการบำเพ็ญบารมี อุบายกับปณิธานต่าง ๆ ของพระองค์"
  • ขณะนั้น พระโพธิสัตว์องค์หนึ่งนามว่า ‘วิมุกติ’ ได้ลุกออกจากที่นั่ง ปรับลดจีวรของท่านเพื่อเปิดไหล่ขวา คุกเข่าขวาต่อเบื้องพระพักตร์ของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ค้อมศีรษะอย่างนอบน้อมพร้อมกับกระทำอัญชลี กล่าวแก่พระจอมมุนีด้วยความเคารพว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ในยุคอันคล้ายกับธรรมะยุคนี้ จะมีสัตว์โลกจำนวนมากที่ทนทุกข์อยู่ด้วยภัยพิบัติต่าง ๆ เจ็บป่วย ผอมแห้ง ไม่สามารถกินหรือดื่มได้ มีคอแห้ง ปากแห้ง ตามองเห็นแต่ความมืดทั่วไปหมด เมื่อลางแห่งความตายมาเยือน สัตว์เหล่านี้จะมีพ่อแม่ญาติ ครอบครัว เพื่อนกับคนรู้จักร้องไห้คร่ำครวญอยู่"
  • "เมื่อคนไข้นอนอยู่บนเตียงเช่นนี้ จะมองเห็นทูตของพระยมมาหา เพื่อพาวิญญาณของเขาไปหากพระ
  • ยมราช ทีนี้สัตว์ทั้งหลายจะมีอาลยวิชญาณอันเป็นที่รองรับและบันทึกทุกสิ่งที่เขาได้เคยทำมา ทั้งกรรมที่เป็นกุศลและอกุศล อาลยวิชญาณของสัตว์จะเสนอบันทึกทั้งหมดทีสัตว์นั้นได้เคยทำมาให้แก่พระยมราช"
  • "ในขณะนั้น พระยมรายก็ตั้งคำถามแก่ผู้ที่เพิ่งตายมา จัดทำตารางบัญชีแสดงกรรมฝ่ายกุศลและอกุศล จากนั้นก็ตัดสินชะตาขิงสัตว์นั้น"
  • "หากในขณะนั้นญาติหรือเพื่อนของคนไข้สามารถยึดองค์พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาเป็นที่ระลึกเพื่อประโยชน์แก่คนไข้นั้น นิมนต์พระภิกษุมาท่องพระสูตรนี้ จุดตะเกียงเจ็ดชั้น และแขวนธงที่แสดงถึงการมีอายุยืน วิญญาณของผู้ป่วยนั้นอาจกลับมายัง ณ ที่นี้ เขาจะมองเห็นตัวเขาเองอย่างชัดเจนราวกับอยู่ในความฝัน"
  • "หรือมิฉะนั้น หลังจาก ๗ วัน ๑๒ วัน หรือ ๔๙ วัน เมื่อวิญญาณกลับมาราวกับว่าตื่นจากความฝัน ก็จะนึกถึงกรรมดีและกรรมชั่ว และผลกรรมต่าง ๆ ของกรรมเหล่านั้น"
  • "หลังจากที่ได้มองเห็นผลต่าง ๆ ของกรรมที่ตนได้ทำ เขาจะไม่ทำชั่วอีก แม้ว่าชีวิตของเขาอยู่ในอันตราย ด้วยเหตุนี้ ชายหญิงที่เปี่ยมไปด้วยศรัทธาควรจะยึดมั่นอยู่กับพระนามของพระไภษัชยคุรุ และถวายเครื่องบูชาตามกำลังของแต่ละคน"
  • พระอานนท์เถระเอ่ยถามพระวิมุกติโพธิสัตว์ต่อไปนี้
  • "ดูก่อน ท่านผู้เจริญ เราจะนอบน้อมและถวายเครื่องบุชาแก่องค์พระไภษัชยคุรุอย่างไร เราจะสร้างธงที่แสดงถึงการมีอายุยืนและตะเกียงอย่างไร"
  • พระวิมุกติโพธิสัตว์ตอบแก่พระอานนท์เถระว่า "ดูก่อน ท่านผู้เจริญ เพื่อช่วยให้คนฟื้นจากโรค ท่านควรถือศีลแปดเป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน ถวายเครื่องบูชาอันได้แก่อาหาร เครื่องดื่มกับสิ่งจำเป็นทั้งหลายให้แก่เหล่าพระภิกษุและพระภิกษุณีตามกำลัง ถวายความเคารพกับเครื่องบูชาแก่สมเด็จพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาพุทธเจ้าเป็นจำนวนหกครั้งในหนึ่งวัน และท่องพระสูตรนี้สี่สิบเก้าจบ"
  • "ท่านควรจุดตะเกียวสี่สิบเก้าดวง จัดทำรูปพระไภษัชยคุรุจำนวนเจ็ดรูป และจุดตะเกียงขนาดใหญ่เท่าล้อเกวียนจำนวนเจ็ดดวง บูชาหน้าพระรูปแต่ละรูป จุดตะเกียงนี้ให้สว่างอยู่เจ็ดวันเจ็ดคืนติดต่อกัน"
  • "ท่านควรทำธงหลากสี ยาวสี่สิบเก้าคืบ"
  • "นอกจากนี้ ท่านควรปล่อยสัตว์สี่สิบเก้าประเภท เพื่อช่วยสัตว์นั้น"
  • "คนไข้ก็จะปลอดภัยจากอันตรายและไม่ตกอยู่ในอำนาจมาร และไม่ตายก่อนวัยอันควร"
  • "ยิ่งไปกว่านั้น พระอานนท์ผู้เจริญ หากกษัตริย์ผู้ทรงผ่านพิธีบรมราชาภิเษก พบว่าอยู่ในอันตราย เช่น โรคระบาด การบุกรุกจากต่างแดน ก่อกบฏภายใน หรืออยู่ในตำแหน่งดวงดาวที่ให้โทษ หรือฝนฟ้าไม่ตกตามฤดูกาล กษัตริย์นั้นควรพัฒนาจิตให้มีเมตตากรุณาต่อสัตว์โลกทั้งปวง"
  • "กษัตริย์นั้นควรอภัยโทษแก่นักโทษ และถวายเครื่องบูชาแก่องค์พระไภษัชยคุรุตามพิธีกรรมที่ข้าพเจ้าได้เอ่ยมาข้างต้น"
  • "ด้วยกุศลกรรมอันยิ่งใหญ่ กับพลานุภาพของปณิธานขององค์พระไภษัชยคุรุ ความสงบก็บังเกิดในแดนที่รับผลกระทบนี้ ฝนตกต้องตามฤดูกาล พืชอุดมสมบูรณ์ ทุก ๆ คนมีความสุข และมีสุขภาพดี ประเทศจะปราศจากความเลวร้าย ลางร้ายจะหายไป เหล่ากษัตริย์ผู้ผ่านพิธีบรมราชาภิเษกจะได้รับพรให้มีอายุยืน มีสุขภาพแข็งแรง มีผิวพรรณผ่องใส และมีอิสรภาพมากขึ้น"
  • "ดูก่อนท่านพระอานนท์ผู้เจริญ เหล่าพระมเหสี นางสนมกำนัล ราชนิกูล เสนาบดี ท้าวนาง ข้าราชการ หรือสามัญชนที่ทนทุกข์อยู่กับโรคร้าย หรือภัยอันตรายอื่น ๆ ก็ควรจะถวายเครื่องบูชาแก่พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า เขาควรสร้างธงหลากสี จุดตะเกียง ดูแลให้ตะเกียงจุดอยู่ตลอดเวลา ปล่อยสัตว์นานาชนิด โปรยดอกไม้หลากสีกับจุดธูปหอมต่าง ๆ ผู้คนเหล่านี้ก็จะหายจากโรคกับภัยอันตรายเหล่านั้น"
  • พระอานนท์ถามพระวิมุกติโพธิสัตว์ต่อว่า "ดูก่อน ท่านผู้เจริญ ช่วงชีวิตคน ๆ หนึ่งที่กำลังหมดลง จะทำให้ยืนยาวต่อได้อย่างไร"
  • พระวิมุกติโพธิสัตว์ตอบว่า 
  • "ดูก่อน ท่านผู้เจริญ ท่านไม่เคยได้ยินหรือว่า พระตถาคตได้สอนเรื่องการตายก่อนเวลาเก้าประเภท ข้าพเจ้าใคร่จะรบเร้าให้ทุกคนทำธงอายุยืนหลากสี จุดตะเกียง กับปฏิบัติธรรม สร้างบุญบารมี ด้วยอำนาจบุญบารมีนี้ คนทั้งปวงก็จะหลุดรอดจากความทุกข์และภัยต่าง ๆ ตลอดชีวิตเขา"
  • พระอานนท์ถามอีกว่า "การตายก่อนเวลาเก้าประการนี้มีอะไรบ้าง?"
  • พระโพธิสัตว์วิมุกติตอบดังนี้ "สัตว์บางตนติดโรคเล็กน้อยที่ไม่ได้รับการรักษา ด้วยไม่มีแพทย์หรือไม่มียา หรือมิฉะนั้นหากมีแพทย์ แต่แพทย์ก็สั่งยาผิดขนานมาให้ ทำให้สัตว์นี้ตายไปก่อนเวลา หรือมิฉะนั้นคนไข้ก็เชื่อคำพูดผิด ๆ ของมาร เดียรถีย์หรือผู้ปฏิบัติมนตร์ดำ ทำให้เกิดความกลัว ไม่สามารถทำจิตให้สงบได้ คนไข้ก็จะไปหาคนทรงเจ้า หรือประกอบพิธีฆ่าสัตว์บูชายัญ เพื่ออ้อนวอนต่อสิ่งที่เขาเชื่อนั้น ให้มอบอายุยืนยาวกับพรอื่น ๆ ให้ ทั้งหมดนี้แน่นอนว่าย่อมเปล่าประโยชน์ ด้วยเหตุของความหลงผิด อวิชชา โมหะ กับมิจฉาทิฐิเหล่านี้ เขาจึงพบกับความตายก่อนเวลาอันควร แล้วยังต้องลงไปในนรกมองไม่เห็นทางออก เป็นการตายก่อนเวลาประเภทที่หนึ่ง"
  • "การตายก่อนเวลาประเภทที่สอง ได้แก่การถูกประหารชีวิตด้วยคำพิพากษาของกษัตริย์"
  • "การตายประเภทที่สาม ได้แก่การสูญเสียพลังชีวิตให้แก่มาร ด้วยการล่าสัตว์ เล่นการพนัน ประพฤติผิดในกาม เมาสุรา หรือการใช้พลังชีวิตให้หมดเปลืองไปอย่างยิ่ง"
  • "การตายก่อนเวลาประเภทที่สี่ได้แก่ถูกไฟคลอกตาย
  • "การตายก่อนเวลาประเภทที่ห้าได้แก่จมน้ำตาย
  • "การตายก่อนเวลาประเภทที่หกได้แกถูกสัตว์ร้ายกัดกิน"
  • "การตายก่อนเวลาประเภทที่เจ็ดได้แก่การตกภูเขา
  • "การตายก่อนเวลาประเภทที่แปดได้แก่การตายจากการกินยาพิษ ถูกเวทมนตร์ หรือผีดิบมาทำร้าย
  • "การตายก่อนเวลาประเภทที่เก้าได้แก่ตายจากความหิวหรือกระหาย เนื่องจากไม่มีข้าวหรือน้ำ"
  • "เหล่านี้คือการตายผิดธรรมชาติเก้าประการ ที่เหล่าพระตถาคตทั้งหลายได้ทรงบัญญัติไว้ นอกจากนี้ยังมีการตายรูปแบบอื่นๆอีก สุดจะพรรณนาได้ครบถ้วน"
  • "อีกประการหนึ่ง พระอานนท์ พระยมราชมีความรับผิดชอบในการเก็บรักษาบัญชีกรรมของทุก ๆ คนในโลกนี้ หากสัตว์ใดเป็นผู้อกตัญญู ประกอบอนันตริยกรรมห้าประการ ดูแคลนพระรัตนตรัย ละเมิดกฎหมายบ้านเมือง หรือประพฤติผิดศีล พระยมราชก็จะตัดสินลงโทษตามนั้น ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงรบเร้าให้สัตว์ทั้งปวงจงจุดตะเกียง ประดับธง ปลดปล่อยสัตว์ กับทำบุญให้ทานอุทิศส่วนกุศล เพื่อมิให้ต้องทนทุกข์ทรมานเช่นที่กล่าวนี้"
  • ขณะนั้น มีขุนพลยักษ์เสนาบดีสิบสองตนอยู่ในหมู่คณะอันใหญ่หลวงที่แวดล้อมสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าอยู่ นามว่า กุมภีระ วัชระ มิหิระ อันทิระ อนิละ สันทิละ อินทระ ปัชระ มโหรคะ สินทุระ จตุระ และ วิกราละ
  • ขุนพลแต่ละตนมีบริวารติดตาม ตนละ ๗,๐๐๐ ตน
  • ขุนพลทั้งสิบสองเปลี่ยงเสียงออกมาพร้อมกัน กล่าวแกสมเด็จพระสัมมาสัมพุทเจ้าว่า
  • "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ วันนี้พวกข้าพระองค์ได้ยินเรื่องขององค์พระไภษัชยคุรุพุทธเจ้าด้วยเดชะพระบารมีของพระองค์ ข้าพระองค์ทั้งหลายจึงไม่กลัวว่าจะต้องไปยังแดนอบายอีกต่อไป"
  • "พวกข้าพระองค์ทั้งหมดนี้ มีใจเป็นหนึ่งเดียว คือยึดมั่นถือเอาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นสรณะ ข้าพระองค์ทั้งหลายขอให้สัตย์ว่า ตลอดชีวิตของพวกข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะปกป้องและสนับสนุนสัตว์โลกทั้งหลาย เพื่อให้สัตว์เหล่านั้นได้รับพรอันประเสริฐ และความสุขสงบ"
  • "ที่ใดก็ตามที่พระสูตรนี้เผยแพร่ไป หรือที่ใดที่มีสัตว์โลกที่มีจิตแน่วแน่อยู่กับพระนามขององค์สมเด็จพระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาพุทธเจ้า กับถวายเครื่องบูชาแก่พระองค์ด้วยจิตเลื่อมใส นอบน้อม ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้าน เมือง อาณาจักร หรือในป่า พวกข้าพระองค์จะปกป้องเขาเหล่านั้น"
  • "พวกข้าพระองค์จะปล่อยสัตว์นั้นจากความทุกข์ทั้งมวล รวมถึงภยันตรายใด ๆ และจะคอยทำให้ความปรารถนาใด ๆ ของสัตว์นั้นสัมฤทธิ์ผล"
  • "สัตว์โลกที่ป่วยเป็นโรค หรือประสบกับภัยพิบัติ ปรารถนาจะหลีกหนีไป ควรอ่านและท่องพระสูตรบทนี้ สัตว์เหล่านี้ควรนำเอาชื่อของข้าพระองค์มาเขียนลงบนแถบผ้าหลากสี แล้วผูกแถบนั้นเป็นเงื่อนปม เมื่อความปรารถนาครั้งหนึ่งของเขาสำเร็จผล ก็ค่อยคลายปมหนึ่งออกมา"
  • ในครั้งนั้น สมเดด็จพระจอมผู้เป็นเลิศในโลก ได้ตรัสรรเสริญเหล่าขุนพลยักษ์ทั้งสิบสิงตนว่า "ช่างดี แท้ ดีแท้ ขุนพลยักษ์ทั้งหลาย เธอทั้งหลายที่อยากจะตอบแทนพระมหากรุณาธิคุณของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า จะได้รับพรอันประเสริฐ และจะสามารถยังความสุขความเพลิดเพลินยินดีให้แก่สัตว์โลกทั้งปวงด้วยวิธีนี้"
  • พระอานนท์เถระจึงกราบทูลสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าว่า "ข้าแต่ท่านผู้ทรงเป็นเลิศ พวกข้าพระองค์จะเรียกคำสอนนี้ว่าอย่างไร และจะปฏิบัติตามคำสอนนี้ได้อย่างไรพระเจ้าข้า"
  • สมเด็จพระศากยมุนีสัมมาสัมพุทธเจ้าตรัสตอบแก่พระอานนท์ว่า 
  • "คำสอนนี้เรียกว่า ไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาสัปตพุทธปูรวปณิธานสูตร และ ทวาทศมหายักษสัตตวารถกริยาปณิธานศักดามนต์ และ ปหารสรววิปากกรรมสมุทเฉท(การทำลายวิบากกรรม) เธอควรยึดถือพระสูตรนี้เช่นนี้"
  • เมื่อสมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสจบลง พระโพธิสัตว์ผู้เป็นเลิศทั้งหลาย รวมทั้งบรรดาพระอรหันตสาวก กษัตริย์ เสนาบดี พราหมณ์ ฆราวาส เทพ นาค ยักษ์ คนธรรพ์ อสูร ครุฑ กินนร มโหราค(อสูรตนหนึ่ง ครึ่งคนครึ่งงู บางทีเรียกว่า"ราหู") มนุษย์ และอมนุษย์ทั้งหลาย ต่างก็มีความเพลิดเพลินยินดีกับภาษิตของพระองค์ ทั้งหมดน้อมรับเอาคำสอนไว้ไปปฏิบัติด้วยจิตเลื่อมใส
  • พระไภษัชยคุรุไวฑูรยประภาตถาคตสูตร
  • พระปณิธานในอดีต บารมีและคุณธรรมของพระองค์
  • ขอนอบน้อมแด่หมู่คณะอันยิ่งใหญ่ของพระพุทธเจ้าและพระโพธิสัตว์ทั้งหลายของพระไภษัชยคุรุพุทธเจ้า
ในภาพอาจจะมี 1 คน, รองเท้า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น