วันอังคารที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2560

การเจริญปัญญาก็คือ

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังยิ้ม

การเจริญปัญญาก็คือ 
กายเป็นอย่างไร รู้ว่าเป็นอย่างนั้น
จิตเป็นอย่างไร รู้ว่าเป็นอย่างนั้น
กายเป็นอย่างไร กายเป็นวัตถุเป็นก้อนธาตุ มีธาตุไหลเข้ามีธาตุไหลออกตลอดเวลา กายมีความทุกข์บีบคั้นตลอดเวลา นั่งอยู่ก็ทุกข์ เดินอยู่ก็ทุกข์ นอนอยู่ก็ทุกข์ ทำอะไรอยู่ก็ทุกข์ มีความทุกข์ตามบีบคั้นตลอดวันตลอดคืน ไม่มีเว้นวรรคให้หรอก การที่เราคอยรู้อย่างนี้ เรียกว่า กายเป็นอย่างไร รู้ว่าเป็นอย่างนั้น แล้วกายเป็นอย่างไรอีก กายเป็นไตรลักษณ์ นั่นเอง แต่ว่ามันเด่นในเรื่องความเป็นทุกข์กับความไม่ใช่ตัวเรา คือมันเป็นวัตถุเป็นก้อนธาตุที่เรายืมโลกมาใช้ชั่วครั้งชั่วคราว วันหนึ่งก็ต้องคืนให้โลกเขาไป
จิตใจล่ะ จิตใจเป็นอย่างไร รู้ว่าเป็นอย่างนั้น ถามว่าแล้วจิตใจเป็นอย่างไร จิตใจเป็นของไม่เที่ยง จิตใจเราเปลี่ยนแปลงทั้งวันทั้งคืน คนที่ดูจิตดูใจเป็นแล้วน่ะ รู้สึกหรือยังว่า จะหาคนที่ใจร้ายเท่าเรานั้นหายาก กิเลสเกิดทั้งวันเลย กุสลไม่ค่อยจะเกิด สังเกตไหมจิตใจเป็นของบังคับไม่ได้ จะสุขหรือจะทุกข์ จะดีหรือจะชั่ว เราเลือกไม่ได้
ให้เราคอยรู้อย่างที่เขาเป็น รู้กายอย่างที่เขาเป็น คือเขาเป็นทุกข์ เขาไม่ใช่ตัวเรา รู้จิตอย่างที่เขาเป็น คือเขาไม่เที่ยง ไม่ใช่ตัวเรา คอยรู้ลงไป พอรู้บ่อยๆ ถึงวันหนึ่งจะรู้สึกตัวขึ้นมา แล้วจะเห็นได้ว่า ร่างกายนี้ไม่ใช่ตัวเรา พอรู้สึกตัวขึ้นมาจะเห็นได้ว่า ความรู้สึกสุขความรู้สึกทุกข์นี้ไม่ใช่ตัวเรา เป็นสิ่งที่แปลกปลอมเข้ามาในกายในใจชั่วครั้งชั่วคราว
หลวงพ่อปราโมทย์ ปาโมชโช

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น