วันพฤหัสบดีที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2560

701... ใช้อภิญญา .. ใช้กรรม

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

701... ใช้อภิญญา .. ใช้กรรม
..พระและฆราวาส สมัยโบราณ ท่านปฏิบัติจริงจัง ประกอบกับ สิ่งแวดล้อมเป็นสัมปายะ ขาดสิ่งยั่วยุรบกวน ผู้ปฏิบัติมีสัจจะ ทำจริง ผู้คนส่วนใหญ่มีศรัทธา มีกระแสจิตงดงาม จึงทำให้การฝึกจิตจึงสำเร็จได้ผลดี จึงมีผู้ทรงฤทธิ์อภิญญามาก
..*+..บางท่านบรรลุอิทธิวิธี มีอิทธิฤทธิ์ ทำในสิ่งคนธรรมดาทำไม่ได้.จะเรียกผู้นั้นว่า..”ผู้ทรงอภิญญา” สามารถทำคนเดียว เป็นหลายคนก็ได้ หรือ ทำ หลายคน ให้เป็นคนเดียวก็ได้ ทำให้ปรากฏก็ได้ ทำให้หายไปก็ได้ ทะลุฝ่ากำแพง ภูเขาไปได้ ผุดขึ้นดำลง ใต้ดิน เดินบนน้ำไม่แตกเหมือนเดินบนแผ่นดินก็ได้ หรือจะเหาะไปในอากาศเหมือนนกก็ได้ ลูบคลำพระจันทร์พระอาทิตย์...ก็ได้”
++...บางท่านได้ยินทั้งเสียงมนุษย์ เสียงทิพย์ ที่อยู่ไกลและใกล้ด้วยทิพยโสต บางท่านกำหนดรู้ใจของสัตว์ บุคคลอื่น ว่า จิตมีราคะ จิตมีโทสะ จิตมีโมหะ(สีในจิต) บางท่านระลึกได้ชาติหนึ่งบ้าง สองชาติบ้าง สามชาติบ้าง.... พันชาติบ้าง แสนชาติบ้าง .. บางท่านเห็นหมู่สัตว์ที่กำลังจุติ กำลังอุบัติ เลวประณีต ได้ดี ตกยาก ด้วยทิพยจักษุ...ที่ท่านล่วงรู้เพราะจิตของท่าน ไม่เหินห่างจากฌาน ประกอบด้วยวิปัสสนา เป็นวสี
$...ข้าพเจ้าขอเล่าถึง ครูอาจารย์ของ”เตี่ย”(บิดา)ของข้าพเจ้า เป็นพระสงฆ์น่าอยู่ในยุคหลวงปู่ปาน..ชื่อ หลวงปู่อุก..จันทบุรี ละสังขารนานแล้ว..ตอนนี้ท่านอยู่ชั้นพรหม “อริยพรหม” ชั้นที่๑๐(ท่านบอกข้าพเจ้าเอง)..ดำรงตำแหน่ง..”สมณเทพ”..คือ “ครุผู้สอนเทพพรหม มนุษย์”..ท่านบอกว่า..ไม่ลงมาเกิดอีกแล้ว..แต่ยังมีกิจที่ต้องทำอยู่ในโลกทิพย์และมนุษย์..ท่านเดินพุทธภูมิมายาวนานก่อน.จะลาเข้าอริยะ..แต่ยังไม่เข้านิพพาน..
**...เตี่ยข้าพเจ้า เล่าว่า..ในสมัยจอมพล ป.พิบูลสงครามเป็นนายกรัฐมนตรี ได้ตั้ง สภาวัฒนธรรมแห่งชาติ ( พ.ศ. 2485 ) จัดระเบียบ คนไทยให้เป็น อารยประเทศ สั่งห้ามประชาชนกินหมากโดยเด็ดขาด..ทีนี้..หลวงปู่อุก..ท่านชอบกินหมากพลู และรอบๆกุฏิปลูกพลูเต็มไปหมด..ทางตำรวจทหาร..ก็มากันหลายคน..จะมาโค่นต้นพลู..พอมาถึงกุฏิ..ต้นพลูทุกต้นมีแต่งูเลื่อยพันไปหมด แลบลิ้นไปมา..ทหารตำรวจจึงกลับไป..อีกวันต่อมาก็มาอีกพบแต่งูเต็มไปหมด..จึงขึ้นไปกราบขอขมาปู่อุก..และไม่มากวนอีกเลย...
***..หลวงปู่อุกคล่องอภิญญามาก ท่านชอบเสกเสือให้เฝ้าวัด..ใครผ่านมาตอนกลางคืน..จะได้ยินเสียงเสือเดิน คำรามไปทั่ว..แม้แต่”เตี่ย”ของข้าพเจ้า..นอนหน้ากุฏิปู่อุก..กำลังวัยหนุ่ม..อยากหนีไปเที่ยว..พอดึกๆ..จะย่องลงไป..ได้ยินเสียงเสือคำรามอยู่ใต้ถุน.. จึงไม่กล้าลงไป..พอตอนเช้า..เล่าให้ปู่อุกฟัง ท่านหัวเราะ....พอพูดถึงปู่อุก..สงสัยจะไม่จบในตอนนี้ซะแล้ว...เพราะเรื่องของปู่สนุกมาก..และทุกวันนี้..ท่านก็ยังดูแลข้าพเจ้าอยู่ด้วย....หลวงปู่อุก..จะเรียกเตี่ยข้าพเจ้าว่า.”ไอ๊เจ๊ก”..
ตอนสมัยมีชีวิตอยู่..ปู่อุกจะเป็นคนที่แก้ พวกที่โดนยาสั่ง โดนเสน่ห์ ..จนวาระสุดท้ายของปู่อุก..ก็ละสังขาร..เพราะยาสั่ง..เพราะอะไร?...จะเล่าตอนท้ายในบทที่สอง..
@..จะขอเล่าตอนหลวงปู่อุกต่อดวงชะตาให้เตี่ยข้าพเจ้า...เตี่ย.เป็นคนจีนมาจากเมืองจีนเลย..เสื่อผืนหมอนใบ..ล่องทะเลมา..ตอนเป็นเด็กวัยรุ่นมาอยู่วัดกับหลวงปู่อุก เด็กวัดก้นกุฏิ ..พอเริ่มโต..ก้เริ่มมาค้าขาย ...จนเป็นพ่อค้าใหญ่ใจดี...ที่บ้านจะมีข้าวสาร ของกิน ที่นอน ฟรี..จนคนใหญ่โต ข้าราชการในสมัยนั้น..ต่างมาพักที่บ้านเตี่ย..ฟรี..แล้วไปเที่ยวเขมรกับคารานเกวียนเตี่ยข้าพเจ้า(เหมือนในหนัง)...จนทุกคนเรียกบ้านเตี่ยข้าพเจ้าว่า.”โรงแรมกวางทอง”..จริงแล้ว เตี่ยชื่อ..เจ๊กกวง”..แต่ข้าราชการเรียก”เจ๊กกวาง”...
##..ค้าขายอะไร?.......ค้าสมุนไพรกระวาน น้ำมันยาง ที่ประเทศเขมร(กัมพูชา)..มีกองม้า กองคารานเกวียนเทียมวัว สุนัข2 ตัวและลูกน้อง .หลังจากทุกของไปค้าขาย..ทีนี้ขากลับ มีเงินมีทอง.มาก..พอขี่ม้า...ถึงเขาเกลือ..ก่อนจะมาตัวเมืองจันทร์..พลบค่ำแล้ว..เตี่ยเห็นเสือโคร่งสีเหลืองคาดดำ..ตัวใหญ่มาก..๒ ตัว โผล่ออกมา.จากราวป่า..จึงควบม้า และเกวียนหนี...พอเสื่อหายไป..ก็ผ่อนฝีเท้าม้าและเกวียนให้ช้าลง..เท่านั้น..เสื่อ ๒ ตัวโผล่ออกมาอีกใกล้ๆ กองคารานเกวียน...ทำยังไง?...ทั้งม้า ทั้ง วัว..ควบหนีวิ่งเต็มที่..เป็นอย่างนี้ 4 ครั้ง..จนเลยเขาเกลือ..เจ้าเสือ ๒ ตัว ก็หายไป....
****..พอเตี่ย..ผ่านมาทางวัดหลวงปู่อุก...จึงเล่าให้ปู่ฟัง...(เตี่ยเรียกปู่อุกว่า..”พ่ออุก”)..ปู่อุก..หัวเราะน้ำหมากกระจาย..แล้วบอกเตี่ยข้าพเจ้าว่า” กูทำเอง..กูเสกเสือไปไล่มึง..ให้ควบม้าไวไว..เพราะดวงมึง..จะต้องถูกโจรปล้น ในเวลา.......กูเลยเอาเสือไล่มึง..ให้ถึงก่อน..เวลา..ที่มึงต้องถูกปล้น..เมื่อ..ฤกษ์เปลี่ยน..กรรมมันเลยแสดงผลไม่ได้....
++..ทีแรกจะเล่าเรื่องการใช้กรรม.ใช้อภิญญา..ไง..กลับมาเป็นเรื่องเสือโคร่งได้อย่างไร..มันเพลิน..และข้าพเจ้าอยากให้ผู้อ่านได้รู้ถึงอภิญญาของ พระสมัยก่อน..ว่ามีจริงๆ..และขอเล่าในตอนต่อไป..น่าจะมีประโยชน์มาก..จะได้เห็นความรักระหว่าง..ครูและลูกศิษย์..ข้าพเจ้าไม่อยากเก็บเรื่องราวไว้คนเดียว...ไม่รู้ว่าท่านผู้อ่าน..จะสนใจฟังหรือไม่..?

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น