563... อัศจรรย์อภิญญา..หลวงปู่สรวง..ผู้อยู่เหนือกาล

563... อัศจรรย์อภิญญา..หลวงปู่สรวง..ผู้อยู่เหนือกาล
บทสอง ดาบสผู้ทรงฤทธิ์..ล้ำลึก เกินคาดเดา..

• หลวงปู่โป๊ะ ศิษย์หลวงปู่สรวงเล่าว่า หลวงปู่สรวงเป็นพี่ชาย พระเจ้าชัยวรมันที่๑ชนชาติขอม ท่านบวชเป็นมหาโยคีเรื่อยมา จากพระเจ้าชัยวรมันที่๑,๒,๓,๔,๕,๖ จนถึงยุค พระเจ้าชัยวรมันที่๗.หลวงปู่จึงบวชเป็นพระสงฆ์ นับถือพุทธศาสนา ดังนั้นอายุหลวงปู่สรวง ไม่ต่ำกว่า ๒,๐๐๐ ปี
• กล่าวว่า หลวงปู่ บรรลุ”จตุปฏิสัมภิทาญาณ” เป็นผู้หลุดพ้น แต่ยังดำรงกิจดุจโพธิสัตว์ เพื่อดูแลศาสนา ดัง”กลุ่มพระครูเทพโลกอุดร” 
• หลวงปุ่สรวง ชำนายนิดรธ สมาบัติ๘ ถอดจิตมโนมยิทธิ เนรมิตสิ่งของ ควบคุมธาตุ๔เด็ดขาด เกินกฏฟิสิกข์วิทยาศาสตร์ จึงมีคำกล่าวว่า “หลวงปู่สรวง ผู้อยู่เหนือกาล”
• มีบางท่านสงสัยว่า ตัวเราไม่ทันสังขารหลวงปู่สรวงเลย เราจะเป็นศิษย์หรือเกี่ยวพันกับท่านไม๊ล่ะ?..ทันไม่ทันในชาตินี้... มิใช่ตัววัดหรอก ...อยู่ที่ศรัทธาและนับถือ..หรือไม่ต่างหาก ชาตินี้พวกเราแค่อายุ 20-60 ปี แต่หลวงปู่อายุ ๒,๐๐๐ กว่าปี ..ผู้ที่ศรัทธาจริงใจย่อมได้พบหลวงปู่มาแล้ว อาจพบท่านในสมัยที่เราเกิดในยุคขอม พันกว่าปี ..อาจได้เกิดร่วมกับท่าน เมื่อ ๓๐๐ กว่าปีที่ผ่านมา หรือ ย้อนหลังไปหลายๆชาติ ไม่มีไฟ ย่อมไม่มีควัน...ทุกอย่างย่อมมีเหตุปัจจัย..ยิ่งศรัทธาด้วยหัวใจ เห็นรูปหลวงปู่ ซาบซึ้ง ปิติน้ำตาไหล ล้วนเคยเป็นลูกหลานท่านมาทั้งนั้น...
• หลวงปู่สรวง จำวัดใน กระท่อมเฝ้านากลางท้องทุ่ง หมู่บ้านละลม-สะเดา ชายแดนด้านเขมร เป็นกระท่อมยกพื้นสูงมุงหลังคาด้วยไม้กระดานเก่าๆ กันลมกันฝนไม่ค่อยได้ ข้างฝากระท่อมมีว่าวจุฬาตัวใหญ่เหน็บข้างฝาอยู่ 1 ตัว มีเตาเล็กๆ แลและหม้อหุ้งข้าวเก่าๆวางอยู่ 1 ชุด และก็มีถังใส่น้ำขุ่นๆ

หน้ากระท่อมหลวงปู่สรวงมีแคร่ไม้ยาว สำหรับนั่ง ที่ทุกคนเข้าไปกราบท่าน ท่านก็ลุกขึ้นมาแต่ท่านไม่พูดจาอะไร ในปากของท่าน ก็เคี้ยวใบพลูสดอยู่ตลอดเวลา หลวงปู่สรวง ท่านชอบเล่นว่าว และชอบดูเขาตีไก่ชนกัน (.หวังว่า .จะไม่มีผู้รู้บอกว่า..ผิดวินัยสงฆ์..) และท่านก็จะหัวเราะชอบใจตบมือตบไม้เชียร์ไก่..

** อัศจรรย์ของหลวงปู่สรวง**

+.ข้าวทิพย์..

..มีคนร่วม 30 คน เห็นหลวงปู่สรวง บอกให้เอาบาตรเปล่าไปตั้งที่กลางแจ้ง ไม่มีฝาบาตรปิด ใช้จานปิดแทน เมื่อวางบาตรเสร็จ หลวงปู่ก็นั่ง ประมาณ 10 นาที
ท่านก็ให้ยกมา มีข้าวเต็มบาตร ข้าวแต่ละเม็ดนั้นสวยงามไม่หัก หลวงปู่ท่านฉันข้าวในบาตรเพียงเล็กน้อย ที่เหลือก็แจกญาติโยมร่วมๆ30 ข้าวเพียงบาตรเดียว เลี้ยงผู้คน ๓๐ คน ข้าวยังไม่หมด

+..ความเมตตา..+

..มีผู้นำเงินไปถวายท่าน หลวงปู่สรวง ท่านก็จะเอาเงินที่พวกเขาถวายออกมาโปรยไปตามถนนที่รถวิ่งให้กับผู้คนที่ยากจน
..ช่วงสงครามเขมร มีผู้คนอพยพหนีตายมาไทย หลวงปู่สรวง จะเปลี่ยนเป็นนุ่งขาวห่มขาวออกไปรับผู้ที่อพยพ มาไว้ที่ปลอดภัยจากปืนใหญ่ ท่านก็จะเอาผ้าสีขาวปักเป็นธงไว้ในที่สูง

+..เจิมร้าน..เจิมบ้าน..

...ปั๊ม ปตท. อำเภอ ขุขันธ์ ปัจจุบันนี้ ก่อนนั้นได้นิมนต์หลวงปู่สรวงเปิดร้าน พอท่านสวดมนต์และฉันอาหารเสร็จ ท่านก็เดินออกมาหน้าร้านด้านนอก ถลกจีวรยืนฉีที่หน้าร้าน เจ้าของร้านรู้ทันจึงได้เข้าไปเอามือรองฉี่ของท่านสะบัดไปทั่วหน้าร้าน (ฉี่ของหลวงปู่เย็นเหมือนน้ำแข็ง)และ หวยออกงวดนั้น ตรงหมายเลขร้านค้าพอดี รวยไปตามๆกัน ...
....มีหลายบ้าน เมื่อสวดมนต์เสร็จแล้วหลวงปู่สรวง ท่านจะลุกมาที่กลางบ้าน นั่ง..อึ..ย่างหน้าตาเฉย เจ้าของบ้าน จะเอามือละเลงอึของท่าน ป้ายทั่ว (อึ..หลวงปู่ มีกลิ่นหอมเหมือนน้ำผึ้ง ลักษณะคล้ายๆขี้ผึ้ง)

+..โบกรถ..+

คนที่ไม่รู้ก็หาว่า หลวงปู่บ้าๆบอๆ เวลาท่านจะไปไหนใน ก็จะขอโดยสารรถไปดื้อๆ และก็ไม่มีรถคันไหนปฏิเสธท่าน ถ้ารถคันใดปฏิเสธท่านไม่ยอมให้ท่านไป รถคันนั้น เครื่องยนต์ก็จะดับบ้างติดบ้างหรือไม่ก็ยางแตก พอท่านลงจากรถ ..จะเดินหายไปเฉยๆ

+..โยนเงินทิ้ง..+
ปกติหลวงตาไม่รับเงิน ใครถวายจะส่งคืน ถ้าเซ้าซี้ หลวงตาจะเผาเงินนั้นทิ้งต่อหน้าต่อตา
วันหนึ่ง มีคนมาถวายเงินท่าน ๔ หมื่นบาท ท่านรับเงิน ใส่เก็บลงย่าม พอท่านนั่งรถไปกับลูกศิษย์ใกล้อรัญประเทศ หลวงตาล้วงเงิน 40,000 บาทโยนออกหน้าต่างทิ้งตรงข้างทาง

ลูกศิษย์เสียดาย ส่งหลวงปู่ไว้ที่ศาลาริมทาง แกล้งบอกว่า “หลวงปู่อยู่นี่ก่อน ผมมีธุระ ขอไปทำธุระเดี๋ยวเดียวจะกลับมา" หลวงปู่หัวเราะ ..ลูกศิษย์ขับรถย้อนมาตรงจุดทิ้งเงิน เห็นชายคนหนึ่งกำลังนับเงินอยู่ สอบถามได้ความว่า
"ผมจะไปผูกคอตายแถวนั้น ผมเอาที่เอาบ้านไปจำนองเขาไว้4หมื่น ไม่มีเงินไถ่ เขากำลังจะมายึด กลุ้มใจมาก พอเห็นถุงเงิน เปิดมานับดู มี4หมื่นพอดีเลย"
ลูกศิษย์คนนั้น(ตาบุญเลิศ)..จึงไม่กล้าจะเอาเงินคืน และในใจยิ่งรักเคารพหลวงปู่สรวง ท่วมท้น หลวงปู่รู้อจิณไตย และเมตตาต่อผู้มีทุกข์จริงๆ....

**...คำสอนของหลวงปู่สรวง
“ ออย เตียน สรูล “ แปลว่า ... ให้-ทาน -มีความสุข
พรที่หลวงปู่สรวงให้ตลอดมา
“ บายตึ๊กเจีย” แปลว่า… ข้าวน้ำดี
…. ให้อยู่ดีมีสุข อุดมสมบูรณ์ด้วย ความพอเพียง

(มีต่อ บทที่สาม)