- จาก ‘อดีต’ สู่ ‘ปัจจุบัน’…!! “พระมหาเจดีย์ชัยมงคล” แห่งเมืองร้อยเอ็ด ที่แม้นานแค่ไหน ก็ยังคงตราตรึงใจ ชาวร้อยเอ็ดมิรู้ลืม (รายละเอียด)
- พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ตั้งอยู่บริเวณวัดผาน้ำทิพย์เทพประสิทธิ์วราราม ตำบลผาน้ำย้อย อำเภอหนองพอก จังหวัดร้อยเอ็ด ระยะทางจากตัวเมืองร้อยเอ็ดประมาณ80 ก.ม มีลักษณะเป็นมหาเจดีย์ขนาดใหญ่ที่วิจิตรพิสดาร ใช้ศิลปกรรมร่วมสมัยระหว่างภาคกลางและภาคอีสานเป็นการผสมกันระหว่างพระปฐมเจดีย์และพระธาตุพนม ใช้งบประมาณก่อสร้างถึงปัจจุบันกว่า 3,000 ล้านบาท ดำเนินการสร้างโดย “พระอาจารย์ศรี มหาวิโร” ซึ่งเป็นศิษย์พระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต
|
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล ออกแบบโดยกรมศิลปากร เป็นสีขาวตกแต่งลวดลายตระการตาด้วยสีทองเหลืองอร่าม รายล้อมด้วยเจดีย์องค์เล็กทั้ง 8 ทิศสร้าง ในเนื้อที่ 101 ไร่ กว้าง 101 เมตร ยาว 101 เมตร ความสูง 101 เมตร รวมยอดทองคำเป็น 109เมตร ใช้ทอง คำหนัก 4,750 บาท หรือประมาณ 60 กิโลกรัม ภายในองค์พระมหาเจดีย์เหมือน อยู่บนวิมานแดนสวรรค์ |
|
พระมหาเจดีย์ชัยมงคล นั้นได้เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ. 2528 มีเนื้อที่ 2,500 ไร่ เนื่องด้วยในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2528 ซึ่งเป็นวันรวมกฐินสามัคคีของวัดประชาคมวนาราม (วัดป่ากุง) พระเทพวิสุทธิมงคล (หลวงปู่ศรี มหาวีโร) ได้ปรารภกับที่ประชุมสงฆ์และคณะศิษยานุศิษย์ว่าท่านได้รับพระบรมสารีริกธาตุมาเป็นกรณีพิเศษ แต่ยังไม่มีที่ประดิษฐานอันเหมาะสม น่าจะหาสถานที่ก่อสร้างพระมหาเจดีย์ไว้สำหรับเป็นสถานที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอยให้จัดสร้างพระมหาเจดีย์ขึ้นที่เทือกเขาเขียว บริเวณใกล้กับวัดถ้ำผาน้ำทิพย์ (วัดผาน้ำย้อย) |
|
- ครั้นต่อมาเมื่อมีการประชุมพระสังฆาธิการภาค 8-9-10-11 (ฝ่ายธรรมยุต) ที่วัดถ้ำผาน้ำทิพย์ หลวงปู่ศรี มหาวีโร ได้นำเรื่องดังกล่าวเสนอต่อที่ประชุม ซึ่งมีท่านเจ้าประคุณสมเด็จมหามุนีวงศ์ (สนั่น จนฺทปชฺโชโต) เป็นประธานที่ประชุมได้มีมติให้หลวงปู่ศรี มหาวีโร เป็นผู้นำในการก่อสร้าง และได้ให้ใช้ชื่อว่าพระมหาเจดีย์ชัยมงคล โดยทุนเริ่มแรกที่ใช้ในการเริ่มก่อสร้างได้มาจากการจัดให้มีการทอดผ้าป่าทั่วภาคอีสาน 19 จังหวัด โดยการจัดในครั้งแรกนี้ได้จัดผ้าป่า เป็นจำนวน 84,000 กอง กองละ 1,000 บาท รวมเป็นจำนวนเงิน 84 ล้านบาท เป็นทุนเริ่มต้นและได้จัดให้มีการทอดผ้าป่า เป็นประเพณีตลอดมาอีกทุกๆ ปี
|
|
- พระมหาเจดีย์ชัยมงคลได้ออกแบบก่อสร้างโดยกรมศิลปากร เป็นศิลปะผสมผสานของศิลปะแบบอีสาน และศิลปะแบบไทยภาคกลาง เริ่มก่อสร้างวางศิลาฤกษ์และลงเสาเอกเมื่อวันที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2531 เมื่อดำเนินการก่อสร้างโครงสร้างในส่วนต่างๆ แล้วเสร็จใน วันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2539 ได้จัดให้มีการทำพิธียกยอดฉัตรที่สร้างด้วยทองคำ น้ำหนักรวม 60 กิโลกรัม
|
|
- ต่อมาในวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2540 ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของหลวงปู่ศรี มหาวีโร ได้ทำพิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุองค์ที่หลวงปู่ได้รับมาเป็นกรณีพิเศษ และองค์ที่หลวงปู่ได้รับมาจากสมเด็จพระสังฆราชของประเทศศรีลังกา รวทั้ง องค์ที่สมเด็จพระสังฆราชของประเทศศรีลังกาได้อัญเชิญเสด็จมาส่งให้ด้วยพระองค์เอง อัญเชิญขึ้นประดิษฐาน ณ พระมหาเจดีย์ชัยมงคลบนชั้นที่ 6 เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทุกคนได้สักการะนมัสการเป็นสิริมงคลของตนตลอดไป
|
|
- เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2548 สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงประกาศตั้งเป็นวัดขึ้นในพระพุทธศาสนา มีนามว่า วัดเจดีย์ชัยมงคล
- เมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2548 ได้มีการแต่ตั้งให้พระครูปลัดทองอินทร์ (หลวงพ่ออินทร์ กตปุญโญ) เป็นเจ้าอาวาสวัดเจดีย์ชัยมงคล
- เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2549 มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ พระราชทานวิสุงคามสีมา ประกาศราชกิจจานุเบกษาฉบับประกาศทั่วไป เล่มที่ 123 ตอนที่ 44 วันที่ 27 เมษายน 2549
|
|
วัตถุประสงค์ในการก่อสร้าง
เพื่อเป็นศูนย์กลางของการฝึกอบรมการปฏิบัติวิปัสนากรรมฐาน โดยการปฏิบัติจริงตามแนวทางขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นที่ตั้งของรูปเหมือนแกะสลักด้วยหินของพระเถรานุเถระของภาคอีสาน จำนวน 101 องค์ พร้อมทั้งประวัติของท่าน และภาพพุทธประวัติ ภาพทศชาติชาดก
|
|
สิ่งก่อสร้างที่สำคัญในบริเวณวัดเจดีย์ชัยมงคล
- 1. กำแพงแห่งศรัทธา ซึ่งหลวงพ่ออินทร์เป็นผู้นำคณะศิษยานุศิษย์ทำการก่อสร้างถวายบูชาคุณหลวงปู่ศรี มหาวีโร เริ่มก่อสร้างวันที่ 8 พฤษภาคม 2540 แล้วเสร็จน้อมถวายในวันที่ 3 พฤษภาคม 2546 ตัวกำแพงสูง 5 เมตร กว้าง 4 เมตร ยาว 3,500 เมตร ชั้นบนเดินชมวิวได้โดยรอบ ชั้นล่างเป็นที่ปฏิบัติธรรม มีห้องน้ำ 1,000 ห้อง
- 2. เจดีย์บรมพุทโธ (บูโรบูโด) จำลอง ซึ่งชาวพุทธจากประเทศอินโดนีเซีย จัดสร้างและส่งทีมงานช่างมาติดตั้งถวายเป็นพุทธบูชา
- 3. ตำหนักรับรองสมเด็จพระสังฆราช
- 4. กุฏิรับรองหลวงปู่ศรี มหาวีโร
- 5. โรงทานขนาดใหญ่ 3 หลัง
|
|
ภายในพระมหาเจดีย์มีทั้งหมด 6 ชั้น คือ
- ชั้นที่ 1เป็นห้องโถงกว้างใหญ่โออ่า ใช้เป็นห้องเอนกประสงค์ และประชุมบำเพ็ญบุญ
- ชั้นที่ 2 เป็นศาลาประชุมสงฆ์ ผนังติดตั้งรูปพระพุทธประวัติ
- ชั้นที่ 3 เป็นชั้นอุโบสถ และประดิษฐานรูปพระคณาจารย์ปราชญ์อีสานในอดีต เป็นรูป เหมือนสลักหินอ่อน และหุ่นรูปเหมือนพระสุปฏิปันโน 101 องค์
- ชั้นที่ 4 เป็นชั้นชมวิว ชมทัศนียภาพรอบภูเขาเขียว
- ชั้นที่ 5 เป็นชั้นพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ศรี มหาวีโร (กำลังอยู่ในระหว่างรวบรวม)
- ชั้นที่ 6 เป็นชั้นสูงสุดบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ
|
|
- ความเชื่อและวิธีการบูชา พระมหาเจดีย์ชัยมงคลจะยังเป็นสถานที่ในการประกอบศาสนกิจต่าง ๆ มีพิพิธภัณฑ์วิปัสสนากรรมฐานของหลวงปู่ศรี และเป็นที่ประดิษฐานรูปเหมือนของพระเกจิอาจารย์ในอดีตทั้ง 101 องค์ รวมทั้งพระสารีริกธาตุ ซึ่งอยู่ชั้นบนสุด ให้ประชาชนทุกสารทิศได้มาสักการะเพื่อเป็นสิริมงคลในคราวเดียวกัน
|
|
ทั้งนี้เปิดให้เข้าชมฟรีทุกวัน ระหว่างเวลา 06.00-17.00 น.
การเดินทาง ไปตามเส้นทางสายร้อยเอ็ด-อำเภอโพนทอง-อำเภอหนองพอก ระยะทาง 90 กิโลเมตร จากตัวเมืองร้อยเอ็ด ตามทางหลวงหมายเลข 2044 และ 2136
|
|
ภาพเก่าพระมหาเจดีย์ชัยมงคล เมื่อปี 2539 |
|
เพิ่มคำอธิบายภาพ |
ที่มาข้อมูล : วิกิพีเดีย
ที่มาภาพ : ภาพเก่า เครดิต ประสิทธิ์ พลศรีเมือง นายกอบต.บึงงาม อ.หนองพอก จ.ร้อยเอ็ด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น