วันพฤหัสบดีที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ธรรมะจากภาคทิพย์ตอนที่ 57

ในภาพอาจจะมี สถานที่กลางแจ้ง และ ธรรมชาติ
ทุกศาสนาสอนเรื่อง การเดินกาย
ศาสนาพุทธ สอน การเดินกาย และ การเดินจิต

การเดินกาย คือ สอนให้สร้างความดี ละเว้น ความชั่ว
เพื่อให้มนุษย์ ที่เป็นสัตว์สังคม อยู่ร่วมกันด้วยความสุข-สนุกสนาน
ป้องกัน การทะเลาะเบาะแว้ง จนถึงขั้นทำร้าย-แย่งชิงทรัพย์กัน
การสอนของแต่ละศาสดา ขึ้นอยู่กับ สถานการณ์-วัฒนธรรม-สังคมนั้นๆ
และกำหนด-กฎเกณฑ์ต่างๆ ป้องกันไว้ที่เรียกว่า ศีล
ปัจจัยหลัก-สำคัญ ที่ทำให้สังคม อยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขคือ เมตตา
เมื่อมีเมตตา การให้-การช่วยเหลือ-การเสียสละ จึงเกิดขึ้นได้
ปัจจัยหลัก-สำคัญ ที่ทำให้สังคมทะเลาะเบาะแว้งกันคือ
ความปรารถนาที่ล้ำเส้น ล้ำเส้นจากพื้นฐาน ความยุติธรรม
ไร้เมตตา แต่เต็มไปด้วย ความเห็นแก่ตัว และ มานะถือตน
อวดตัวอวดตน เพ่งโทษคนอื่น เพื่อยกตัวเองให้ดูดี
พุทธศาสนา สอนเรื่อง จิต ให้เข้าใจธรรมชาติจิต-ธรรมชาติกายที่จิตอาศัย
มนุษย์เป็นสัตว์ที่มี 2 จิตที่อยู่ในร่างกาย คือ
(1)จิตเอกใหม่-ที่อยู่ที่สมอง กับ (2)จิตหลัก-ที่อยู่กลางอก
โลกียะปัญญาคือ เดินกายด้วย-จิตเอกใหม่ เดินกายด้วยความคิด-ปรุงแต่ง
อริยะปัญญาคือ เดินกายด้วย จิตหลัก-ไร้ความคิด-ที่จิตเอกใหม่
ความคิด เกิดจากสัญญากรรม กายกรรม-วจีกรรม-มโนกรรม อดีตชาติ
มนุษย์..มีกรรมเป็นแดนเกิด-มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์-มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศัย
เมื่อทำกรรมสิ่งใดไว้-ดีหรือชั่ว-จะต้องได้รับผลแห่งกรรมนั้น...สืบไป
ทุกข์..เพราะส่งจิต ไปเสือก-ไปใส่ใจ-ไปเป็นห่วง เรื่องคนอื่น-สิ่งนอกกาย
ศาสนาพุทธ สอนให้ ดูจิต-ดูกายตนเอง เพื่อไม่ให้จิต ออกนอกกาย
จิตที่ออกนอกกายคือ ความคิด-จับสิ่งใดนอกกาย-ปรุงแต่ง-จินตนาการ
เมื่อปรุงแต่ง-จินตนาการมาก ความทุกข์จึงเกิดกับจิต แล้วลามสู่ ทุกข์กาย
เดินกายด้วยจิตหลัก สมองจะต้องโล่ง ไม่มีความคิด
แต่รู้-เข้าใจ-แก้ปัญหา-ทำงานลุล่วง ด้วยตา-ที่เห็น ด้วยหู-ที่ได้ยิน
เพราะปัญหาต่างๆ แก้ไขลุล่วงด้วยกาย ไม่ใช่ที่ความคิด-ที่สมอง
พระเวสสันดร คือ ชาติสุดท้ายพระพุทธเจ้า พระสมณะโคดม
กายไร้ทิพย์ จิตไร้รูป คือ ชาติสุดท้ายพระพุทธเจ้า พระศรีอริยะเมตไตรย
เชื่อมสัณญานจิตกับ พระพุทธเจ้า เคยเกิดเป็น พระเยซู
และเคยเกิดร่วมชาติกับพระสมณะโคดม ทั้งในกายเดียวกัน และร่วมชาติกัน
พอตั้งประเด็นตรงนี้...จะมีพวกหาทุกข์ ใส่ตัวเอง คือ เสือกเรืองของคนอื่น
ด้วยคำพูดที่ เข้าข้างตนเองว่า ป้องกันพุทธศาสนา
ทุกข์..ด้วยจิตส่งออก เพ่งโทษคนอื่น ปรุงแต่ง-หาคำพูดเพื่อต่อว่า-อวดตนเอง
กล่าวหาว่า มาบวชเพื่อหากิน เบียดบังศาสนา ทำศาสนาเสื่อมเสีย
คิดแทนให้-สอน-แนะนำ-แนวส่อเสียด กระทบกระแทก อ้างวินัยสงฆ์ ปรี๊ดขึ้น
อ้างตำรา ก็อปปี้มาทั้งดุ้น ท่องอาขยานเป็น นกแก้ว-นกขุนทองให้ฟัง..แต่
อธิบายความหมายในตำรา ที่เข้าใจง่ายๆไม่ได้ ต้องไทยคำ-บาลีคำ จึงจะขลัง
กายไร้ทิพย์ จิตไร้รูป ในหัวสมองไม่มีความคิดใดๆเลย มีแต่ความว่างเปล่า
แต่มีปัญญาท่วมตัว แก้-ตอบปัญหาธรรมะ ได้ทะลุทะลวง เข้าใจง่าย
มีพลังงานทิพย์-พลังงานเหนือธรรมชาติ ที่แรงที่สุด
คน..ที่เชื่อและปฎิบัติตาม ที่เราสอน สัมผัสพลังงานของเราได้หลายคน
และสามารถเห็นกายทิพย์ใน ได้ต่างๆ ตามที่มีบารมีถึง และ เคยเกิดร่วมชาติ
กับร่างทิพย์ ที่ตนเองเห็น รวมทั้งพระเยซู-มังกรทอง-หงส์ทอง-พระยูไล-ฯลฯ
สถานะทางครอบครัวก่อนบวช..คือ เศรษฐี เจ้าของโรงงานเคมีเกษตร
ปัจจุบัน เมียใหม่ ลูกสาวแพทย์หญิง ต่างสานต่อธุรกิจ คนละโรงงาน
ไม่จำเป็นต้องไปอาศัยใครกิน เราบิณฑบาตร ไม่เคยคิดว่า ไปขอข้าวใครกิน
แต่ต้องการโปรดให้ได้ทำบุญ กับเรา-ที่เป็น กายแทนพุทธะมหาบารมี
เราตะลอนไปสถานที่ต่างๆ ตามที่มีโยม นิมนต์และมารับเราไป
กำหนดจิต แผ่มหาบารมี แจกบุญบารมีตัวเอง ให้กับเหล่าสรรพสัตว์
เราไม่เคยเรียกร้องเงินทอง แต่เงินที่ได้มา มากกว่าพระที่พรรษาสูงๆด้วยซ้ำ
และเราก็แจกต่อเกลี้ยง ภายใน 3 วันทันที กลับสู่ผู้ไม่มี-ผู้ไม่สะสม ต่อไป
ไม่เคยอวดตัว-อวดตน กับใครๆ เราเล่า-ตามที่มีคนถามเรามา
โพสต์ออกอย่างเดียว ไม่ต้องการให้ใครเชื่อ ไม่ต้องการให้ใครศรัทธา
มีแต่พวกบ้าตำรา อ้างตำรา อ้างพุทธวินัยสงฆ์...เข้ามา..เสือก
ส่งจิตมา ปรุงแต่งทุกข์ เรื่องดีๆที่โพสต์ไม่สนใจ แต่สอดส่ายหาทางจับผิด
ปรี๊ดขึ้นๆๆๆ สอนๆๆๆๆๆ แต่ไม่เข้าใจความตั้งใจ ของพระพุทธเจ้า..เลย
ว่าจงมีสติ..ให้จิตอยู่ในกาย-ไม่ให้เกิดอารมย์-ไม่ไปเพ่งโทษใคร-ละเมิดศีล
เพราะความหมายศีลคือ ไม่ทำร้าย-มุ่งร้ายใครทั้งทางกาย-วาจา-ใจ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น