ท่านทั้งหลายรู้จักคำว่า "ก้าวล่วง" มั้ย
การก้าวล่วง
หมายถึง การก้าวก่าย-ล่วงเกินผู้อื่น
จนยังผลให้ผู้อื่นเสียสมดุล
ทั้งทางจิตใจ ร่างกาย และทางสังคม
หมายถึง การก้าวก่าย-ล่วงเกินผู้อื่น
จนยังผลให้ผู้อื่นเสียสมดุล
ทั้งทางจิตใจ ร่างกาย และทางสังคม
*การก้าวก่าย
หมายถึง การเป็นเหตุให้ผู้อื่น
เสียสมดุลหรือเกิดความเสียหาย
ทั้งต่อร่างกายและทางสังคม
หมายถึง การเป็นเหตุให้ผู้อื่น
เสียสมดุลหรือเกิดความเสียหาย
ทั้งต่อร่างกายและทางสังคม
เช่น การทำตนเป็นอุปสรรคต่อผู้อื่น
ทำให้ผู้อื่นเสียหาย เสียเวลา เสียประโยชน์
เสียโอกาส เสียชื่อเสียง
เสียทรัพย์ เป็นต้น
ทำให้ผู้อื่นเสียหาย เสียเวลา เสียประโยชน์
เสียโอกาส เสียชื่อเสียง
เสียทรัพย์ เป็นต้น
เช่น เสียความรู้สึก
และอารมณ์เสีย เป็นต้น
และอารมณ์เสีย เป็นต้น
ท่านทั้งหลายจะต้องรู้ว่า
ไม่ว่าจะเป็นการกระทำก้าวก่ายทางโลก
หรือการกระทำล่วงเกินทางจิตใจ
มันล้วนนำไปสู่การทำลายความสมดุล
ในสองมิติของบุคคลอื่นทั้งสิ้น
ไม่ว่าจะเป็นการกระทำก้าวก่ายทางโลก
หรือการกระทำล่วงเกินทางจิตใจ
มันล้วนนำไปสู่การทำลายความสมดุล
ในสองมิติของบุคคลอื่นทั้งสิ้น
เราจะกล่าวความจริงต่อท่านทั้งหลายว่า
โทษบาปของการก้าวล่วงต่อผู้อื่นนั้น
มันอยู่ตรงที่การเป็นเหตุให้ผู้อื่น
สูญเสียความสมดุลไปจากปกตินั่นเอง
โทษบาปของการก้าวล่วงต่อผู้อื่นนั้น
มันอยู่ตรงที่การเป็นเหตุให้ผู้อื่น
สูญเสียความสมดุลไปจากปกตินั่นเอง
จิตใจที่สมดุล คือ สภาวะจิตที่สงบสุข
ชีวิตที่สมดุล คือ สภาวะทางสังคมที่ใครคนนั้น
สามารถดำรงอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นอย่างมีสันติสุข
ตามกฎแห่งการเป็นหนึ่งเดียวกัน
ของทุกสรรพสิ่งในจักรวาลอันไพศาลนี้
สามารถดำรงอยู่ร่วมกันกับผู้อื่นอย่างมีสันติสุข
ตามกฎแห่งการเป็นหนึ่งเดียวกัน
ของทุกสรรพสิ่งในจักรวาลอันไพศาลนี้
ดังนั้น
ถ้าท่านเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียสมดุลทางจิตใจ
และหรือเป็นเหตุให้ผู้อื่นเกิดการเสียสมดุลในชีวิต
ท่านก็ต้องรับเอาความผิดบาปนั้นไว้เสมอ
ถ้าท่านเป็นเหตุให้ผู้อื่นเสียสมดุลทางจิตใจ
และหรือเป็นเหตุให้ผู้อื่นเกิดการเสียสมดุลในชีวิต
ท่านก็ต้องรับเอาความผิดบาปนั้นไว้เสมอ
เราจึงขอเตือนคนที่ชอบช่วยเหลือคนอื่น
เพราะใจดี ใจพระ ให้ระวังความผิดบาป
จากการไปก้าวก่ายล่วงเกินคนอื่นเขา
จนทำให้เขาเสียสมดุลดังว่านี้
เพราะการขาดมหาสติอย่างแรงเอาไว้ด้วย
เข้าทำนองว่า....คิดจะทำคุณงามความดี
แต่ผลที่ได้รับกลับเป็นโทษไปเสียนี่
เพราะใจดี ใจพระ ให้ระวังความผิดบาป
จากการไปก้าวก่ายล่วงเกินคนอื่นเขา
จนทำให้เขาเสียสมดุลดังว่านี้
เพราะการขาดมหาสติอย่างแรงเอาไว้ด้วย
เข้าทำนองว่า....คิดจะทำคุณงามความดี
แต่ผลที่ได้รับกลับเป็นโทษไปเสียนี่
เช่น เขาไม่ต้องการความช่วยเหลือ
ด้วยเหตุผลส่วนตัวของเขาบางอย่าง
แต่ท่านกลับยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ
โดยที่เขาไม่ได้ร้องขอ
โดยท่านไม่ได้ถามเขาก่อนว่าต้องการให้ช่วยมั้ย
หรือไม่ได้ถามเขาก่อนว่า
ท่านจะให้ความช่วยเหลือเอามั้ย เป็นต้น
ด้วยเหตุผลส่วนตัวของเขาบางอย่าง
แต่ท่านกลับยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ
โดยที่เขาไม่ได้ร้องขอ
โดยท่านไม่ได้ถามเขาก่อนว่าต้องการให้ช่วยมั้ย
หรือไม่ได้ถามเขาก่อนว่า
ท่านจะให้ความช่วยเหลือเอามั้ย เป็นต้น
การช่วยเหลือโดยพละการของท่าน
กลับกลายเป็นการสร้างปัญหาบางอย่างให้เขาแทน
หวังจะสร้างบุญแต่กลายเป็นสร้างบาปแทน
เพราะไร้สติขาดปัญญานั่นเอง
กลับกลายเป็นการสร้างปัญหาบางอย่างให้เขาแทน
หวังจะสร้างบุญแต่กลายเป็นสร้างบาปแทน
เพราะไร้สติขาดปัญญานั่นเอง
การดำเนินชีวิตร่วมกันกับคนอื่น
ด้วยความมีน้ำจิตน้ำใจเอื้อเฟื้อกันนั้น
เป็นสิ่งดีงามควรกระทำอย่างยิ่ง
ด้วยความมีน้ำจิตน้ำใจเอื้อเฟื้อกันนั้น
เป็นสิ่งดีงามควรกระทำอย่างยิ่ง
แต่ท่านต้องใช้สติปัญญากำกับด้วย
โดยยึดหลัก "ปริญญาโมเดล"
ว่าด้วยกฎเกณฑ์แห่ง 6 ถูกเอาไว้เสมอ
โดยยึดหลัก "ปริญญาโมเดล"
ว่าด้วยกฎเกณฑ์แห่ง 6 ถูกเอาไว้เสมอ
การคิดช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อสร้างบุญกุศลนั้น
อย่าให้มันกลายเป็น "ผิดบาป"
ด้วยข้อหาว่า "เจือก" เพียงเพราะท่านประมาท
หรือขาดสติเพราะไม่ใช้ปัญญาอีกเลย
อย่าให้มันกลายเป็น "ผิดบาป"
ด้วยข้อหาว่า "เจือก" เพียงเพราะท่านประมาท
หรือขาดสติเพราะไม่ใช้ปัญญาอีกเลย
นี่แหละ.....
การก้าวล่วงผู้อื่นเป็นความผิดบาปอย่างยิ่ง
การก้าวล่วงผู้อื่นเป็นความผิดบาปอย่างยิ่ง
กราบพระบาทพระบิดา
ที่เมตตาประทานพระโอวาท
ที่เมตตาประทานพระโอวาท
เอเมน สาธุ
ป.วิสุทธิปัญญา
19-11-2016
ป.วิสุทธิปัญญา
19-11-2016
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น