703.. ใช้อภิญญา .. ใช้กรรม (ภาค ๓)
ตอน.. ขนฝิ่น-คุณไสย์ดำ-ปล่อยของ
ตอน.. ขนฝิ่น-คุณไสย์ดำ-ปล่อยของ
...มาเล่าเรื่องหลวงปู่อุกต่อ...หลวงปู่เป็นพระที่มีเมตตาสูงมาก เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้าน และเป็นที่เกรงขามของหมอไสยเวทย์มนต์ดำ..ในกุฏิและรอบๆกุฏิ..จะเต็มไปด้วยสมุนไพรต่างๆ..ที่หลวงปู่ปลูกไว้เพื่อใช้รักษาคน ท่านเป็นทั้ง.ผู้ทรงธรรม ทรงอภิญญา ยังเป็นทั้ง”หมอยา”และ”หมออีแมะ”(หมอจับเส้น..แค่เอามือแตะที่ข้อมือตรงเส้นชีพจร..จะรู้ได้เลยว่าเป็นโรคอะไร อวัยวะส่วนไหนมันชำรุด ธาตุ๔อันไหนมันแปรปรวน..).เป็นทั้ง”หมอดูดวงชะตา” และ เป็น”หมอถอนคุณไสย์.” คือ ครบเครื่อง..จึงมีคนมาให้หลวงปู่รักษามากมาย..ก่อนจะเล่าถึงเรื่อง”คุณไสย์..มาฟังเรื่องนี้ก่อนนะ.
++...ปกติข้าพเจ้าความจำไม่ค่อยดี มักจำชื่อคนไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะชื่อเจ้าหนี้ และยอดหนี้ที่ยืมมา...แต่ถ้าเป็นเรื่องแนวอภิญญา แนวฤทธิ์..มันจำได้หมดพร้อมเห็นภาพประกอบด้วย..ดังเช่นเรื่องหลวงปู่อุก..ที่ข้าพเจ้าฟังจาก”เตี่ย” เล่ามา..เมื่อ ๒๐ ปีที่แล้ว..ยังจำได้แทบทุกคำพูด..เพราะข้าพเจ้ามีจริตแนวอภิญญา และก็รู้ว่า..ผู้อ่านก็เป็นเช่นเดียวกัน..
#.....ทีนี้...จะขอเล่าเรื่อง.”เจ๊กขนฝิ่น”.ในสมัยก่อนก็มีการค้าขายฝิ่นดิบกันแล้วมีทุกระดับชั้น ..,มีวันหนึ่ง..มีเจ๊กคนหนึ่ง..กระหืดกระหอบขึ้นมาหาหลวงปู่อุกบนกุฏิ..มีคานหาบ และกระบุง ๒อัน เหงื่อแตก พูดจาระล่ำระลักว่า พูดไทยไม่ชัด ” ท่านพ่อ.ช่วยอั๊วะด้วย..ตำรวจกำลังไล่ตามอั๊วะมา” หลวงปู่อุกพูดว่า”เจ๊ก ใจเย็นๆ.ค่อยๆพูด..ตำรวจเขาจะจับอะไรลื้อ ลื้อทำผิดอะไรมา?”..เจ๊กบอกว่า..ในกระบุงอั๊วะมีฝิ่น....อ๊วะจะเอาไปขาย เป็นเงินเลี้ยงดูลูกเมีย..หลวงพ่อช่วยด้วย..” สักพัก.ได้ยินเสียงเอะอะเสียงวิ่งของตำรวจมาที่กุฏิปู่อุก...หลวงปู่อุกบอกว่า”.เจ๊ก..ลื้อนั่งเฉยๆ..ไม่ต้องกลัว..ไม่มีอะไรหรอก?..”
....สักพักตำรวจ ขึ้นมาที่กุฏิหลังจากกราบปู่อุกแล้ว ถามว่า “หลวงพ่อครับ เห็นเจ๊กคน
นึง หาบกระบุงหนีมาทางนี้หรือเปล่า”..ปู่อุกตอบ..เห็น..นั่นไง..ชี้นิ้วไปที่เจ๊กที่นั่งหลบข้างๆห้อง.ปู่อุกบอกตำรวจว่า..”เจ๊กมันตกใจที่เห็นตำรวจ มันเลยวิ่งขึ้นมาหาข้า ..นั่นกระบุงที่มันหาบมา”.หลวงปู่ชี้นิ้วไปที่กระบุง๒ อัน .ตำรวจจึงเดินไปค้นกระบุง. ส่วนเจ๊กขนฝิ่น นั่งตัวสั่นเหงื่อแตกพลั๊กๆ.....แปลกมาก ตำรวจค้นในกระบุง...พบแต่หน่อไม้เต็มกระบุง...จึงกราบลาปู่อุก.ลงกุฏิไป
นึง หาบกระบุงหนีมาทางนี้หรือเปล่า”..ปู่อุกตอบ..เห็น..นั่นไง..ชี้นิ้วไปที่เจ๊กที่นั่งหลบข้างๆห้อง.ปู่อุกบอกตำรวจว่า..”เจ๊กมันตกใจที่เห็นตำรวจ มันเลยวิ่งขึ้นมาหาข้า ..นั่นกระบุงที่มันหาบมา”.หลวงปู่ชี้นิ้วไปที่กระบุง๒ อัน .ตำรวจจึงเดินไปค้นกระบุง. ส่วนเจ๊กขนฝิ่น นั่งตัวสั่นเหงื่อแตกพลั๊กๆ.....แปลกมาก ตำรวจค้นในกระบุง...พบแต่หน่อไม้เต็มกระบุง...จึงกราบลาปู่อุก.ลงกุฏิไป
$$...หลังตำรวจไปแล้ว..เจ๊กบอกว่า”หลวงพ่อ..อ๊วะ..จะทำไงดี ..อั๊วะต้องหาบกระบุงไปต่อ มันมีด่านตรวจอยู่ข้างหน้า..”
%..ปู่อุกบอกว่า..”ระยะทางจากนี่ไปบ้านเจ๊ก ใช้เวลาเดินทางเท่าไร”
+..เจ๊กขนฝิ่นตอบว่า”ประมาณ ๒ ชั่วโมง ครับ”
%..หลวงปู่อุก “..ไม่เป็นไร..ลื้อ.อมพลูใบนี้ในปาก แล้ว...เดินหาบลงไปจากกุฏิ..ห้ามหยุด ห้ามหันมองกลับมา.. จนกว่าจะถึงด่านตรวจ..ลื้อจะไม่เป็นไร”. แล้วต่อไป..ลื้อก็เลิกนะ การขนฝิ่น มันผิดกฎหมายบ้านเมือง..เจ๊กขนฝิ่น.รับปาก..”.ครับๆๆ.”.....แล้วแกก็เดินหาบฝิ่นไปถึงด่านตรวจ..ตำรวจตรวจของในกระบุง พบแต่ ”หน่อไม้”.พอผ่านด่านไปได้..แล้วเดินทางไปถึงบ้าน หน่อไม้จึงกลายเป็น”ฝิ่น”เหมือนเดิม..(หลังจากนั้น..แกกลับมากราบหลวงปู่อุก)
##...ทีนี้..จะมาพูดถึง เสน่ห์ยาแฝด ไสยเวทย์คุณดำ ยาสั่ง การลองของ...หน้าที่ของเตี่ย เป็นเด็กวัด..คือ ดูแลต้นสมุนไพร ต้มยาสมุนไพร ไปซื้อสมุนไพร ไปหาสมุนไพรตามเขา คือเป็นผู้ช่วยหลวงปู่อุก ในการรักษาคนที่มาหา มีหลายประเภท ทั้งโดนของ โดนยาสั่ง โดนทำเสน่ห์และมาดูดวง...ก่อนจะเล่า..ขอวกมาเรื่องนี้ก่อน..เดี๋ยวลืม..+
$$..+..วัดหลวงปู่อุก มันอยู่ใกล้ชายแดนเขมร และในแถบนั้นยังมีพวกกลุ่มชอง(พื้นเมือง) กลุ่มกุหล่า(เชื้อเวียตนาม) ..แต่ละกลุ่มจะมีผู้มีวิชชา ผู้อยากจะทดสอบวิชาของตน..ผู้ที่อยากให้ผู้คนมากราบยกย่องเกรงกลัว เมื่อปู่อุกโด่งดังในเรื่องการแก้ไสยเวทย์ มนต์ดำ จึงเป็นที่หมายปองของคนกลุ่มนี้..มาลองวิชชา..ถ้าแพ้ก็เสมอตัว..ถ้าชนะ..ก็โด่งดังทันที..(.เหมือนหนังจีน..จะโค่นเจ้าสำนัก)..และวิชาไสยเวทย์มนต์ดำของเขมร..ไม่เป็นรองใคร..พวกนี้อยู่แถบ รอยต่อชายแดนเขมร เช่น จันทร์ ตราด สระแก้ว ปราจีณ สุรินทร์ ศรีสะเกษ..
***..มีคืนหนึ่ง..หลวงปู่อุกบอกลุกศิษย์ว่า..คืนนี้ให้ทุกคนระวัง ให้นั่งภาวนา สวดอิติปิโสไป อย่าตกใจ จะมีคนร้อนวิชชาส่งควายธนูมา.หากู..ประมาณเที่ยงคืน เตี่ยบอกว่า...
ได้ยินเสียงควาย ร้อง …ดังมาจากลานวัด เสียงเหมือนตะกุยดิน ใกล้เข้ามาๆๆ..กุฏิพ่ออุก..ตอนนั้นท่านพ่ออุกนั่งหลับตานิ่ง สักพักได้ยินเสียงเสือคำรามดังสนั่น รอบกุฏิ แล้วได้ยินเสียงการต่อสู้ของสัตว์ใหญ่ เสียง คำรามกึกก้องของสัตว์ทั้ง๒.. เสียงตะกุยดิน. เหมือนแผ่นดินจะถล่ม ประมาณชั่วหม้อข้าวเดือด เสียงต่อสู้ได้เงียบหายไป..แล้วมีเสียงกระทบหลังคา..หล่นลงมาตรงหน้าหลวงปู่อุก..เป็นควายธนูทำจากขี้ผึ้ง สภาพคอหัก ขาหัก..หลวงปู่ลืมตายิ้มให้ลูกศิษย์..บอกว่า..ควายธนู..ของคนบ้าวิชชา..ไปนอนได้แล้ว..
ได้ยินเสียงควาย ร้อง …ดังมาจากลานวัด เสียงเหมือนตะกุยดิน ใกล้เข้ามาๆๆ..กุฏิพ่ออุก..ตอนนั้นท่านพ่ออุกนั่งหลับตานิ่ง สักพักได้ยินเสียงเสือคำรามดังสนั่น รอบกุฏิ แล้วได้ยินเสียงการต่อสู้ของสัตว์ใหญ่ เสียง คำรามกึกก้องของสัตว์ทั้ง๒.. เสียงตะกุยดิน. เหมือนแผ่นดินจะถล่ม ประมาณชั่วหม้อข้าวเดือด เสียงต่อสู้ได้เงียบหายไป..แล้วมีเสียงกระทบหลังคา..หล่นลงมาตรงหน้าหลวงปู่อุก..เป็นควายธนูทำจากขี้ผึ้ง สภาพคอหัก ขาหัก..หลวงปู่ลืมตายิ้มให้ลูกศิษย์..บอกว่า..ควายธนู..ของคนบ้าวิชชา..ไปนอนได้แล้ว..
**....เช้าวันต่อๆมา..ทุกคนพอรู้ข่าว.ต่างพูดกันว่า..ควายธนูว่าแน่ ..แต่ยังแพ้เสือท่านพ่ออุก”
฿....อนึ่ง.ควายธนู เป็นวิชาไสยศาสตร์ ทำหุ่นเป็นตัวควาย ในตัวควายจะมีผีเป็นวิญญาณ ตามมนต์คาถา เป็นควายที่วิ่งเร็วเหมือนธนู แล้วเลี้ยงไว้ด้วย หญ้าและน้ำ ใช้ให้เฝ้าบ้าน ทั้งป้องกันภูตผีและโจรผู้ร้าย และสามารถสั่งให้ไปสังหารคู่อริ
++..ปกติควายธนู ทำจากวัสดุ ๔ ชนิด…++
1. ควายทอง สร้างขึ้นด้วย ตะปูตรึงโลงศพ เหล็กขนัน ผีตายท้องกลม งั่ง ทองแดงเถื่อน ดีบุก ทองขวานฟ้า เงินปาก
2. ควายขี้ผึ้ง ใช้ขี้ผึ้งปิดหน้าผีตายโหง ผีตายท้องกลม ผสมด้วยผมผีตายพราย ตานกกรด ตาแร้ง ตาชะมด กำลังวัวเถลิง
3. ควายไม้ไผ่ ใช้ไม้ไผ่ที่ขึ้นคร่อมทาง
4. ควายดิน ทำจากดินปั้น ดินเจ็ดป้าช้า ดินปากหลุมศพ ดินใต้โลงศพ ขี้เถ้ากระดูผีตายโหงตายพราย
2. ควายขี้ผึ้ง ใช้ขี้ผึ้งปิดหน้าผีตายโหง ผีตายท้องกลม ผสมด้วยผมผีตายพราย ตานกกรด ตาแร้ง ตาชะมด กำลังวัวเถลิง
3. ควายไม้ไผ่ ใช้ไม้ไผ่ที่ขึ้นคร่อมทาง
4. ควายดิน ทำจากดินปั้น ดินเจ็ดป้าช้า ดินปากหลุมศพ ดินใต้โลงศพ ขี้เถ้ากระดูผีตายโหงตายพราย
...+++..พอได้เขียนแล้วมันยาว...มันเหมือนได้ระบายออก..มันยังไม่ไปไม่ถึง การโดนของ การแก้เสน่ห์ยาแฝด..ยาสั่ง เลย.. เรื่องหลวงปู่อุก..มันยาว มันสนุก.. ลึกลับ พร้อมการเป็นครู…ดูแล้ว..ไม่น่าต่ำกว่า ๕ ภาคนะ...จะเดินทางกันต่อไปไม๊..เรื่องแนวฤทธิ์อภิญญา ..ยาชูกำลัง..ก่อนเดินสายปัญญาต่อไป..สาธุ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น