วันพุธที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2560

560. หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังนั่ง
560. หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ
ภาค๘..ภาคส่งท้าย .” ..จิตพระศรีย์ ”
+++ปัจฉิมบท
  • โดยปกติถ้าจิตข้าพเจ้าได้พบครุอาจารย์ที่ดับขัน์ไปแล้ว. จึงจะเขียนเรื่องราวของท่าน..เพื่อยกย่องในความดีงาม ความเมตตา.. และส่วนมากแล้ว.ไม่เคยทันกายสังขารหยาบ ..ได้แต่พบกายทิพย์ของท่านทั้งนั้น ไม่ว่า..จะเป็นปู่ใหญ่ คณะเทพโลกอุดร ,สมเร็จลุน , หลวงปู่สรวง ,หลวงปู่ทวด,หลวงปู่ดู่,หลวงปู่โต ,หลวงพ่อฤาษีวัดท่าซุง, หลวงปู่ขาว อนาลโย .และ ปู่ฤาษี...ส่วนที่ทันสังขารท่าน แล้วท่านเมตตามาโปรด คือ หลวงพ่อคูณ วัดบ้านไร่, หลวงตามหาบัว, หลวงปู่สมชาย วัดเขาสุกิม เป็นต้น .... ส่วน..หลวงปู่ทองทิพย์ ..ข้าพเจ้าไม่ทันพบกายเนื้อเช่นกัน ข้าพเจ้าเป็นคนมีอุปทาน มีสัญญานิมิตเยอะ.เป็นผู้หลงอยู่..ให้อ่านเป็นนิทานแล้วกัน....

  • +. ....คืนหนึ่ง ข้าพเจ้าได้เดินตามหลวงตาองค์หนึ่ง (พุทธภูมิเก่าลาเข้าอรหันต์แล้ว)ขึ้นไปบนเนินเขาลูกหนึ่ง ในท่ามกลางเนินเขานั้น พบเห็นพระสงฆ์มากมาย มารวมตัวกัน บ้างนั่ง บ้างยืน ขณะที่หลวงตาองค์หนึ่ง ที่นำข้าพเจ้ามา....ได้เดินไปด้านซ้ายมือไปกราบพระสงฆ์องค์หนึ่งบนเนินเขา โดยมีข้าพเจ้าเดินตามอยู่นั้น เมื่อเดินไปได้ ๓ ก้าว ..หันไปมองด้านขวามือ ข้าพเจ้าเห็นพระภิกษุรูปหนึ่งกึ่งนั่ง กึ่งนอน เอียงศรีษระ บนแคร่ไม้ อยู่ท่ามกลางหมู่สงฆ์หลายองค์ที่นั่งอยู่ ส่วนด้านซ้ายมือของท่าน มีพระภิกษุอีกรูปหนึ่งนั่งอยู่รถเข็น แต่พระภิกษุองค์นั้นกลับแต่งกายด้วยจีวรสีขาว ข้าพเจ้าจะเดินผ่าน แต่ก้าวขาไม่ออก เหมือนถูกพลังกระแสจิต ของพระภิกษุองค์ที่นอนอยู่...ดึงดูดให้อยู่กับที่ สายตาเปี่ยมเมตตา พลังกล้าแข็ง จึงบอกตัวเองว่า เราจะต้องเข้าไปกราบหลวงปู่รุปนี้ก่อน
  • .....ข้าพเจ้า .จึงเดินเข้าไป นั่งคุกเข่ากราบพระสงฆ์ที่นอนอยู่ 3 ครั้ง... ทันใดนั้น พระภิกษุท่านนั้น ท่านเอนตัว ลุกขึ้นมานิดหนึ่ง แล้วท่านเอานิ้วมือจุ่มผงในตลับ ที่อยู่ข้างเตียงท่าน มาเจิมที่หน้าผากข้าพเจ้า ใบหน้าท่านนิ่งสงบ 
  • ไม่พูดอะไร.. ข้าพเจ้าสังเกตเห็นที่นิ้วชี้ข้างขวา ของท่าน..สวมแหวนสูงใหญ่..เหมือนเศียรพญานาค
  • **...จิตข้าพเจ้ามันรู้ขึ้นมาเองว่า...พระภิกษุองค์นั้นคือ ..หลวงปู่ทองทิพย์ พุทธปัญโญ นั่นเอง.....จิตเกิดปิติอย่างแรงกล้า. ..ลืมตาขึ้นมา...ภาพนั้นยังตราตรึงไม่หาย แม้กระทั่งตอนนี้...ข้าพเจ้าได้ตีนิมิตตนเองว่า....เดินไปทางซ้าย..คือ.สายอริยะ ตามหลวงตารูปนั้น. .ส่วนขวามือ..คือ.ที่พบหลวงปู่..คือสายโพธิสัตว์...ข้าพเจ้าเลือกที่จะหยุดอยู่กับหลวงปู่...... จิตข้าพเจ้ายังเดิน อยู่ในสายโพธิสัตว์หรือ .?

**..แล้วหลวงปู่องค์ไหน .คือ.. พระศรีย์.. ?
  • ...เรื่องของพระมหาโพธิสัตว์ เป็นเรื่องอจิณไตย เกินเหตุผลทางโลก จะเข้าใจ เรื่องของท่านได้..ข้าพเจ้าไม่ใช่ผู้รู้. .แต่ขอนำความรู้. จากผู้ทรงญาณ และจากครุอาจารย์ทางโลกทิพย์..มาบอกเพียงบางส่วน.คลายความสงสัยของบางท่าน..... . และไม่ได้บอกว่า..ความรู้นี้ถูกนะ.ไม่อยากให้นำไปถกเถียงกัน เพราะมันไม่ได้ทำให้กิเลสลดน้อยลง มีแต่จะเพิ่ม ความอหังการ์ มานะกิเลสเพิ่มขึ้นไปอีก .แต่ที่แน่ๆ..ข้าพเจ้าไม่ได้แต่งเรื่องเอง ..จะทำบาปแก่ตนเองทำไม?.
  • ****อนึ่งจิตของพระมหาโพธิสัตว์..บารมีสูง ท่านสามารถแบ่งดวงจิตมากมายเพื่อโปรดสรรพสัตว์ ทำให้สามารถ พบผู้ที่เกี่ยวพันได้กว้างขึ้น ย่นระยะชาติในการเกิด ไม่ต้องรอ.มาเกิด ทีละชาติ จึงแบ่งจิตออกหลายดวง หลายคน ในชาติเดียวกันได้....ดุจ..เอาน้ำ ๑ แก้ว..ไปเทบนพื้นลื่นๆ..หยดน้ำแตกตัว.เกิดหยดน้ำมากมาย..ใหญ่..เล็ก ไม่เท่ากัน..เป็นอิสระต่อกัน..เปรียบดังจิตที่แบ่งออกมา..มีขนาดบารมีไม่เท่ากัน..มีอิสระในการสร้างกรรมดีกรรมชั่ว. .ดังนั้น บางดวงที่แบ่งออกมาก็ หลงโลก ..จึงอาจลงไปอบายภูมิ..บางดวงลาเข้านิพพาน..บางดวงกลับมารวมกับจิตหลัก (หยดน้ำใหญ่).. ถึงแม้จิตที่แตกจะอิสระ แต่ก็อยู่ในเครือข่ายไมหาโพธิสัตว์เดียวกัน”... จิตที่มีบารมีมาก จึงไปสอน จิตที่กำลังหลงทางได้ ดุจพี่สอนน้อง....
  • ***.. การแบ่งจิต อยู่ในช่วงเป็นมหาโพธิสัตว์ ..ไม่ใช่แบ่งตอนชาติที่เป็นพระพุทธเจ้า ปกติจิตที่แบ่งออกมา บารมีจะ น้อยกว่า จิตหลัก...และยากมากที่จะสร้างบารมีเท่ากับจิตหลัก...แต่ในจิตของพระศรีย์ แม้แบ่งจิตมากมาย แต่มีจิตหลักใหญ่(บารมีมาก) ถึง ๒ ดวง
ในภาพอาจจะมี 1 คน, กำลังนั่ง

  • ....... จิตหลักพระศรีย์องค์หนึ่ง คือหลวงปู่ทวด หลวงปู่ดู่ ที่จะมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า เป็น พระศรีย์องค์ปิดภัทรกัปนี้ เป็นวิริยะธิกะประเภท๓ (อายุ ๘หมื่นปี)..

  • .ส่วนจิตหลักพระศรีย์อีกดวงหนึ่ง ...คือจิตหลวงปู่ทองทิพย์.... จะมาเป็นพระพุทธเจ้าต่อจากพระศรีย์ คือ พระราโมพุทธเจ้า (องค์ต้นกัปหน้า วิริยิกะประเภท ๓ อายุ ๑ แสนปี)
ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ
  • จึงหมายความว่า ทั้งหลวงปู่ดู่ และ หลวงปู่ทองทิพย์ ..คือ..จิตพระศรีย์...(ถ้านับจากฐานเดิมของจิต) ...แม้แต่หลวงปู่โต ,หลวงปู่สรวง ล้วนคือจิตพระศรีย์ที่แบ่งมา ..ท้ายสุด..ทุกองค์ล้วนเป็นหลวงปู่ครูอาจารย์..ที่เป็นเนื้อเดียวกัน..มีมหาเมตตา มหาบารมีเหมือนกัน ที่เราทุกคน ควรจะน้อมกราบและโมทนาในบุญของท่าน..ทุกองคื โดยไม่ต้องแบ่งแยกว่าใครคือองค์ไหน..เพราะทุกท่านคือ “ คุรุแห่งโพธิสัตว์”..ล้วนต้องน้อมกราบเหมือนกัน..
  • .... ลูกนามมะโน ผู้น้อยด้อยปัญญา หากกล่าววาจา ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร ขอน้อมกราบขอขมาหลวงปู่ ขอโปรดเมตตา อดโทษให้ลูกด้วยเทอญ...

(จบ)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น