วันเสาร์ที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ภัยพิบัติตั้งแต่ปี 2560 นี้นับว่ายิ่งใหญ่นัก...ใครฤาจะหยุดยั้งได้


  • ภัยพิบัติตั้งแต่ปี 2560 นี้นับว่ายิ่งใหญ่นัก...ใครฤาจะหยุดยั้งได้..จะมีสิ่งใดที่จักมาช่วยบรรเทาภัยพิบัติครั้งนี้ได้ มาติดตามอ่านกันน่ะครับ 
  •  หากหลายท่านได้ติดตามข่าวก็คงจะทราบดีว่าในปี 2560 นี้มีภัยพิบัติมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเป็นพายุถล่ม น้ำท่วม แผ่นดินไหว ฟ้าผ่ารุนแรง อีกทั้งมีการก่อการร้ายในรูปแบบต่างๆมิหนำซ้ำยังเพิ่มขนาดความรุนแรงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 
  • เมื่อมาถึงตรงนี้ทำให้ผมได้นึกย้อนถึงวันวานไปเมื่อช่วงปลายปี 2532 เชื่อว่าหลายท่านยังคงจำกันได้เพราะเป็นปีที่เกิดพายุใหญ่ที่เรียกกันว่า“พายุเกย์” เหตุการณ์ในวันนั้นยังคงอยู่ในความทรงจำของผมมิรู้ลืม เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2532 ขณะนั้นผมกำลังศึกษาอยู่ชั้นมัธยมปีที่ 1 ของโรงเรียนประจำจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และเพิ่งเปิดภาคเรียนมาได้เพียงไม่กี่วัน(หลังจากปิดภาคเรียนที่1) และวันนี้เป็นวันที่นักเรียนทุกคนจะต้องมาจ่ายเงินค่าลงทะเบียนเรียนด้วยกันทั้งหมด 
  • ขณะที่ผมและเพื่อนๆนักเรียนกำลังยืนต่อแถวเพื่อรอจ่ายค่าเทอม ก็ได้ยินเสียงประกาศในโรงเรียนว่าให้นักเรียนทุกคนรีบเดินทางกลับบ้านโดยด่วนทันทีเพราะอาจจะมีพายุเข้าที่จ.ประจวบฯ 
  • ผมและเพื่อนๆนักเรียนทุกคนต่างก็รีบเดินทางกลับบ้านกันโดยทันที แต่ขณะนั้นจู่ๆก็เกิดมีลมพัดจนท้องฟ้าแลดูมืดมิดไปหมด ไม่นานนักก็เกิดทั้งลมทั้งฝนตกขึ้นมา(รุนแรงมากในระดับหนึ่ง) จนผมและเพื่อนๆต้องหนีเข้ามาแอบหลบฝนที่ใต้ถุนอาคารเรียนหลังใหญ่ด้วยกัน 
  • ขณะที่หลบฝนผมและเพื่อนๆต่างก็พูดคุยกันตามประสานักเรียนชั้นม.ต้น ว่าเมื่อวานนี้คุณครูประจำชั้นได้เล่าให้พวกเราฟังว่า “เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ในหลวงรัชกาลที่ 9 ของพวกเรา พระองค์ทรงเรียกผู้ว่าราชการจังหวัดหลายๆจังหวัดโดยเฉพาะทางภาคใต้ให้เข้าเฝ้า และทรงตรัสเตือนให้ระวังเรื่องพายุว่าจะเข้าทางภาคใต้ของประเทศไทยเรา ให้เตรียมตัวเฝ้าระมัดระวังรับมือกับพายุลูกนี้กันให้ดีๆ ” 
  • ขณะที่ผมฟังคุณครูประจำชั้นเล่าเรื่องนี้ ก็ได้แต่คิดในใจว่า “ในหลวงท่านรู้ได้อย่างไรว่า จะมีพายุเข้าถล่มทางภาคใต้ ” เพราะขณะนั้นเทคโนโลยีและการสื่อสารต่างๆก็ไม่ได้ทันสมัยเหมือนกับสมัยนี้ และก็คิดต่อไปอีกว่า “ พายุนี้จะเข้าที่จังหวัดไหนกันแน่ และจะมีความรุนแรงสักเพียงใดน่ะ ” 
  • เมื่อมาถึงตรงนี้ในขณะที่พวกเราต่างก็หลบฝนสนทนากัน จึงอดที่จะชื่นชมในพระปรีชาญาณของพระองค์ไม่ได้เลยจริงๆ จากนั้นฝนก็ค่อยๆสงบลงผมและเพื่อนๆจึงรีบไปนั่งรถประจำทางเดินทางกลับบ้านกันโดยทันที เมื่อมาถึงบ้านก็ไม่มีฝนตกอีกจึงเข้าใจว่าฝนคงจะไม่ตกอีกแล้ว พอตกเย็นเข้าสู่กลางคืนประมาณเที่ยงคืนกว่า(ผมจำเรื่องของเวลาได้ไม่ค่อยถนัดสักเท่าใดน่ะครับ) ขณะที่ทุกคนต่างนอนหลับสนิทก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องเปรี้ยงปร้างตลอด ชั่วครู่ก็มีเสียงฝนตกหนักมาก(ลองนึกภาพดูว่าสมัยนั้นบ้านจะมุงด้วยหลังคาสังกะสีกันซะเป็นส่วนใหญ่)
  • ผมและทุกคนในครอบครัวพร้อมทั้งคุณย่าต่างก็ตกใจตื่นนอนขึ้นมากันด้วยความกลัว ขณะที่ผมกำลังคุยกับคุณย่าจู่ๆก็เกิดลมพัดรุนแรงมากๆ เสมือนจะพัดหอบเอาหลังคาสังกะสีให้หลุดไปทั้งหลังประมาณนั้นเลยครับ แล้วคุณย่าก็หันมาบอกผมว่า “ ไอ้น้อย เอ็งจำย่าไว้ให้ดีๆน่ะ ไม่ว่าพายุหรือเหตุการณ์ร้ายแรงใดๆเกิดขึ้นก็ตาม ให้นึกถึงพระพุทธเจ้าก่อน แล้วรีบสวดมนต์ จะเป็นบทอิติปิโสหรือบทใดๆก็ได้ เชื่อย่าน่ะ..แล้วเอ็งจะปลอดภัย” จากนั้นคุณย่าก็รีบสวดมนต์(ถ้าจำไม่ผิดขณะนั้นน่าจะเป็นบทอิติปิโสฯน่ะครับ) ผมเองเมื่อเห็นคุณย่าสวดก็สวดตามโดยทันที เชื่อไหมครับ หลังจากช่วยกันสวดมนต์ผ่านไปเพียงไม่นานมากนัก ปรากฏว่าเสียงลมพายุก็สงบลงโดยทันที แต่ก็ยังมีฝนตกอยู่พร่ำๆซึ่งฟังเสียงแล้วไม่รุนแรงแหมือนตอนแรก ขณะนั้นใจผมนี้เกิดปิติและมีความรู้สึกเชื่อในพลังแห่งพุทธานุภาพอย่างที่สุด เมื่อทุกอย่างแลดูเบาลงทุกคนก็ไปเข้านอนกันตามปกติ รุ่งเช้าขึ้นมาก็ได้ฟังข่าวจึงทราบว่าเมื่อคืนพายุที่เข้าจ.ประจวบฯนั้น คือพายุเกย์ ได้พัดผ่านจ.ประจวบฯเข้าสู่จ.ชุมพรที่อ.ประทิวและอ.ท่าแซะสร้างความเสียหายให้ชีวิตและทรัพย์สินมิใช่น้อย ตรงตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตรัสไว้ก่อนหน้านี้จริงๆ นี่คือเรื่องราวแห่งความกลัวและความประทับใจในพุทธคุณอย่างมิรู้ลืม อยากบอกกัลยาณมิตรทุกท่านทราบว่า..ไม่ว่าจะมีเหตุการณ์ร้ายรุนแรงใดๆเกิดขึ้นก็ตาม ขอให้ทุกท่านดำรงสติให้มั่นคงเพียงชั่วขณะ แล้วรีบสวดมนต์บทใดก็ได้ในทันที ให้ทำอย่างนี้สักพักหนึ่ง..ขอให้เชื่อเถอะว่า..ปาฏิหาริย์จักเกิดขึ้นกับทุกท่านแน่นอนครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น