447.“พุทธะ ๔”
- “จิตคือพุทธะ” เป็นพุทธะในตัวอยู่แล้ว มีความบริสุทธิ์ประภัสสรในต
ัวอยู่แล้ว แต่ก็มีความแตกต่างกันตามธา ตุธรรมของจิต สะสมบุญบารมีมาต่างกัน - ดังนั้น “พุทธะ” จึง แตกต่างกัน เป็น ๔ ประเภท ตาม “มโนธาตุ” ที่แตกต่างกัน ได้แก่
- “สัมมาสัมพุทธะ”,
- “ปัจเจกพุทธะ”
- “อรหันตพุทธะ”
- และ “มหาพุทธะ”
๑) สัมมาสัมพุทธะ คือ การตรัสรู้ธรรมแบบพุทธภูมิ (พระพุทธเจ้า)
- คือ การบรรลุธรรมด้วยการตรัสรู้
ด้วยตนเอง และใช้บุญบารมีของตนเพื่อสร ้างศาสนา โปรดสัตว์ และได้สั่งสอนธรรมแก่คนทั่ว ไป คือ การได้เป็น “พระพุทธเจ้า จะไม่มีชาติต่อไปอีก ไม่เกิดอีก เมื่อบรรลุธรรมครั้งแรก จะเข้าสู่ภาวะ “กิเลสนิพพาน” คือ กิเลสที่บดบังสภาวธรรมความจ ริงนั้น สูญไปหมดสิ้นก่อน จึงมีดวงตาเห็นธรรม เห็นสิ่งต่างๆ ได้ตามประสงค์ เรียกว่า “ตรัสรู้ธรรม” ซึ่งจะล่วงรู้ได้ทุกสรรพสิ่ ง เรียกว่า “สัพพัญญูญาณ” จากนั้นจะการบรรลุ “พุทธภูมิ” คือ เห็นแจ้งว่าตนมีความปรารถนา ที่จะช่วยเหลือโปรดสรรพสัตว ์ จากนั้น จึงทำกิจต่างๆ ในการสร้างศาสนา, เผยแพร่ศาสนา ระยะนี้เอง จะบรรลุธรรมขั้นสูงที่เรียก ว่า “พุทธธรรม” หรือ “บรรลุยูไล” คือ ธรรมะที่ใช้ในการเคลื่อนพระ ธรรมจักร ธรรมะระดับพระพุทธเจ้า ที่พระปัจเจกพุทธเจ้าและ พระอรหันต์สาวกไม่มี
๒) ปัจเจกพุทธะ คือ การตรัสรู้ธรรมปัจเจกภูมิ (พระปัจเจกพุทธเจ้า)
- คือ การบรรลุธรรมด้วยการตรัสรู้
ด้วยตนเอง แต่ไม่มีบุญบารมีพอที่จะสร้ างพระศาสนาหรือเผยแพร่ธรรมไ ด้ จำต้องปลีกวิเวก คือ การได้เป็น “พระปัจเจกพุทธเจ้า” เป็น “ปัจเจกบุคคล อาจเคยปรารถนาพุทธภูมิ จึงบำเพ็ญบารมีตามพุทธภูมิ แต่ไม่ครบทุกส่วน และมักเกิดในชาติที่โลกว่าง เว้นพระพุทธเจ้า และเวลาดับขันธ์ มักเข้าป่าอาศัยในถ้ำจนตาย “หุบเขากลืนฤษี” คือ เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าบรรล ุแล้วก็จะแสวงหาสถานที่สงบว ิเวก
๓) อรหันตพุทธะ คือ การบรรลุธรรมแบบสาวกภูมิ (พระอรหันตสาวก)
- สเวก แปลว่า ผู้รับฟัง ต้องการบรรลุธรรมด้วยการได้
รับการสั่งสอนจากผู้อื่นแล้ วนำมาปฏิบัติให้รู้แจ้งด้วย ตนเอง และไม่มีบุญบารมีที่จะสร้าง ศาสนาได้ คือ การได้เป็น “สาวกของพระพุทธเจ้า” นั่นเอง
๔) มหาพุทธะ คือ การบรรลุแบบมหาโพธิสัตว์ (พระมหาโพธิสัตว์)
- คือ การบรรลุธรรมแบบพิเศษ ด้วยการได้รับการสั่งสอนจาก
ผู้อื่น หรืออาศัยพระธรรมที่ผู้อื่น ตรัสรู้ไว้ก่อนแล้ว แล้วนำมาปฏิบัติจนรู้แจ้งด้ วยตนเอง ทั้งยังสามารถเผยแพร่พระธรร มคำสั่งสอนสืบทอดต่อไปได้ เพราะมีบุญบารมีสะสมมามากพอ แต่จะไม่สร้างพระศาสนาใหม่ นอกจากนี้ การบรรลุธรรมแบบพิเศษนี้ ยังสามารถกลับมาเกิดช่วยสรร พสัตว์ได้อีกเรื่อยไปไม่สิ้ นสุด
- “พระมหาโพธิสัตว์” ที่มีบารมีมากเท่านั้น เมื่อซักฟอกธาตุธรรมจนรู้ตน
เองเป็น “พุทธภูมิ” แล้ว พระมหาโพธิสัตว์ จะผสมธาตุธร รมในส่วนสาวกภูมิเข้าไป เพื่อไม่ให้ธาตุธรรมของตนบร ิสุทธิ์จนไม่อาจเกิดใหม่ได้ อีก เช่น พระอวโลกิเตศวรมหาโพธิสัตว์ ที่เมื่อบรรลุแล้วจะทรงเพ่ง จิตศรัทธาพระอมิตาภะพุทธเจ้ า (ผสมธาตุสาวก) เมื่อจากโลกไป ก็จะไปเกิดยังสุขาวดี และสามารถลงมาช่วยมนุษย์ได้ อีกเรื่อยๆ
- อนึ่ง พระมหาโพธิสัตว์นี้ แรกเริ่มเดิมทีก็บำเพ็ญเพีย
รแบบพระโพธิสัตว์ ปรารถนาพุทธภูมิ แต่ภายหลังสละได้แม้พุทธภูม ิ ขอเพียงโปรดสรรพสัตว์ได้ก็พ อ จึงบรรลุธรรมและเกิดใหม่ได้ เรื่อยๆ เรียก“อรหันต์เกิดใหม่” (อยู่ที่การตีความหมาย..มิค วรถกเถียงกัน) ด้วยภูมิจิตภูมิธรรมของคนมี ความแตกต่างกัน - พระอรหันต์จึงไม่อาจเข้าใจถ
ึงความเป็นไปของพระโพธิสัตว ์ได้ แม้จิตจะมีความบริสุทธิ์ก็ต าม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น