วันจันทร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

วันเวลาผ่านไปนะ



วันเวลาผ่านไปนะ
ความรู้สึกในใจเราก็เปลี่ยน ไม่ทุกข์เท่าเก่าหรอก
ค่อยๆเปลี่ยน ความทุกข์ในใจเราก็ไม่เที่ยงเหมือนกัน
อย่างเคยเสียลูกไป ทุกข์มากเลย ทุกข์มาก
เรื่องลูกเนี่ย เรื่องใหญ่ที่สุดแล้ว
พ่อแม่ตายยังไม่ทุกข์เท่าลูกตาย
เป็นเรื่องปกติ เพราะอะไร..?
เพราะพ่อแม่เรา เราคิดว่าควรจะตายก่อนเรา
แต่ลูกเนี่ย เราคิดว่าควรจะอยู่นานๆ
เราต้องตายก่อน เราคิดอย่างนี้
ความคิดเราไม่ได้สมจริง
มันเป็นความคิดที่ไม่ได้สมจริง
เพราะความตายไม่เลือกเวลา ไม่เลือกอายุ
นี้พอมันเกิดขึ้น เราไม่เคยคิด ไม่กล้าจะคิดด้วย
ใจมันก็หวั่นไหวมาก
อย่างถ้าพ่อแม่เราจะตาย
เราเคยคิดไว้ก่อน มันไม่หวั่นไหวมาก
.
เนี่ยพระพุทธเจ้าถึงสอนเรา
ให้หัดมองโลกอย่างที่มันเป็นจริง
ความตายมาถึงเมื่อไหร่ก็ได้
ความพลัดพรากมาถึงเมื่อไหร่ก็ได้
ไม่จำกัดว่าต้องตามอาวุโสนะ
ใครตายก่อนก็ได้ ไม่แน่นอน
หรือ ท่านสอนให้เราเจริญสติ เจริญปัญญา
เรียนรู้ความรู้สึกทุกชนิดที่เกิดขึ้นในตัวเอง
ในใจเรา สุขบ้าง ทุกข์บ้าง ดีบ้าง ร้ายบ้าง
โลภ โกรธ หลงบ้าง
หมุนเวียนเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ
ถ้าเราเคยรู้เคยเห็นนะ
เราจะรู้ว่า ทุกอย่างมันชั่วคราว
ความสุขมาแล้วก็ไป ความทุกข์มาแล้วก็ไป
กุศล อกุศล มาแล้วก็ไปหมดเลย
นี้ถ้าสติปัญญาแก่กล้าขึ้น
ยอมรับความจริง สิ่งใดเกิดสิ่งนั้นก็ดับ
งั้นต่อไปไม่ว่าอะไรเกิดขึ้น จิตใจไม่หวั่นไหว
จิตใจมันรู้ความจริงอยู่ก่อนแล้วนะ
ว่าทุกอย่างมาแล้วก็ไป ทุกอย่างเกิดแล้วก็ดับ
งั้นความสุขเกิดขึ้น จิตใจก็ไม่หวั่นไหว
ความสุขยังไม่เกิดขึ้น จิตใจก็ไม่โหยหา
เพราะรู้ว่า เที่ยวหามานะ ความสุขอยู่ชั่วคราว
เดี๋ยวก็หายไปแล้ว
พวกเราลองนึกถึงตั้งแต่เด็กๆ ลองนึกถึงดู
เราวิ่งหาความสุขมาตั้งกี่ครั้งแล้ว
ที่จริงวิ่งทั้งวันเลยนะ วิ่งเพื่อหาความสุขนั้นแหละ
แล้วได้ความสุขมาแล้ว แล้วมันอยู่แป๊บเดียว รู้สึกมั้ย
อยู่แว๊บเดียว แล้วมันก็หายไป
อยู่แว๊บเดียว แล้วมันก็หายไป แล้วก็วิ่งหาอีก
.
แต่ถ้าสติปัญญาเราแก่กล้า
เรารู้ความสุขก็ของชั่วคราว
ใจมันไม่หิวความสุข ไม่ดิ้นรนหา
ตรงที่ดิ้นรนหาความสุขนั้นแหละ
ตรงนั้นแหละทุกข์แล้ว
อยากมีความสุข ทุกข์มั้ย
เวลาเราอยากได้
สมมุติเราอยากได้มือถือใหม่มา
ถ้าว่าได้มาแล้วมีความสุข แค่อยากก็ทุกข์แล้ว
อยากมีแฟนก็ทุกข์แล้ว
ยังไม่ทันจะมีเลย ทำยังไงจะมี
สังคมนี้ ตอนนี้ผู้หญิงไม่ได้แต่งงานเยอะแยะเลย
ตอนอายุใกล้ๆ ๓๐ ก็หวั่นไหวมากนะ อยากแต่งน่ะ
พออยู่มานานๆ ก็บุญแล้วที่ไม่แต่ง
ถ้าแต่งเนี่ย โอ๊ย ทุลักทุเล
ลำบากอีกเยอะเลย ดูแลสามีแก่ๆ ญาติสามีอีก ลูกอีก
ภาระเยอะเลย
.
เนี่ยพอสติปัญญามันแก่กล้านะ
มันรู้นะ อยากได้อะไรนะ แค่อยากก็ทุกข์แล้ว
พอได้มาก็ทุกข์อีก ต้องรักษา
ของที่เราอยากได้ ได้มาแล้วก็ต้องหวงแหน ใช่มั้ย
ต้องรักษา ทุกข์มั้ย ลำบากมั้ย
บางคนซื้อรถใหม่มา
รักษารถอย่างดีเลย กลางคืนนอนในบ้านไม่ได้แล้ว
ต้องไปนอนโรงรถ กลัวขโมยมา
เวรกรรมหนักเข้าไปอีกนะ
นั่ง(รถใหม่)มันก็ไม่ได้ว่าสบายอะไรนักหนานะ
ก็ธรรมดา แต่ว่าชีวิตลำบากขึ้นเยอะเลย
มีความอยากก็มีความทุกข์นะ
พอได้มาอย่างที่ต้องการแล้ว ก็ยังทุกข์อีก
ต้องดูแล ต้องรักษา ของซึ่งดูแลรักษาไม่ได้จริง
ไม่มีอะไรที่เรารักษาไว้ได้จริงสักอย่างเดียวเลย
อยากได้ความรักมา ความรักก็รักษาไว้ไม่ได้จริง
มันอยู่ชั่วคราวแล้วมันก็เปลี่ยน
ทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นอย่างนั้น
.
เนี่ย พอใจมันเข้าใจความจริงนะ
ไอ้ความหิวที่จะหาความสุขเนี่ย ก็ไม่เกิดขึ้น
ถ้ากุศลให้ผลมา ได้อารมณ์ที่มีความสุข ที่พอใจ
ก็สบายๆ ไม่ได้ว่าหิว มันมาเอง
เวลามันเสียไปก็รู้สึกปกติ
รู้อยู่ว่าวันหนึ่งมันต้องเสียไป
ความสุขเนี่ย อยู่ชั่วคราวแล้วมันก็เสียไป
.
กลับข้างกัน
ปัญญาเราแก่กล้า
เราก็รู้อีก ความทุกข์ก็เป็นของชั่วคราว
เมื่อใจมันแจ่มแจ้งว่า ความทุกข์ก็เป็นของชั่วคราว
เวลาความทุกข์เกิดเนี่ย ใจไม่ทุรนทุรายว่า
เมื่อไหร่จะดับๆ รู้ว่ามันอยู่ชั่วคราว
แต่มันทำใจยากนะ
เวลาความสุขอยู่เนี่ย เราก็สบายใจ
แต่ลึกๆเลย รู้สึกมั้ย
เวลาที่เราเจออะไรที่มีความสุขเนี่ย
ลึกๆ ใครเคยรู้สึกบ้างว่า ไม่นานจะต้องสูญเสียมันไป
ใครเคยรู้สึกอย่างนี้ ยกมือซิ
อนุโมทนานะ
ต้องมี"ธาตุ"ที่เคยทำกรรมฐานอย่างดีมาแล้ว จะรู้สึก
ถ้าคนทั่วไป มันหลงระเริงเลย
เวลามีความสุขมันจะเพลิน
แต่คนซึ่งเคยอบรมสติปัญญามาดีแล้วนะ
ตั้งแต่ชาติปางก่อน อะไรอย่างเนี้ย
ในใจลึกๆ มันจะรู้สึกว่า ยังไม่ใช่หรอก
เดี๋ยว(ความสุข)มันก็ไป ใจมันจะรู้สึกอย่างนี้
ถ้ามีใจที่รู้สึกอย่างนี้ ภาวนาไม่ยากแล้ว
ใจมันโน้มเข้าหาความจริงแล้ว
เวลาความทุกข์เกิดขึ้น
จิตใจไม่ทุรนทุราย รู้ว่ามันอยู่ชั่วคราว
บางทีมันไม่ยอมรู้ที่หลวงพ่อสอน
เวลาทุกข์หนักๆ ก็ท่องเอาไว้ว่า
"เดี๋ยวมันก็ผ่านไป"
อันเนี้ยใจมันยังไม่ยอมรับความจริง
ก็ท่องมันไว้ก่อน เผื่อมันจะเชื่อ
ถามว่ามันเชื่อมั้ย.. ไม่เชื่อหรอก
มันแค่สบายใจชั่วครั้งชั่วคราวนะ
มันแค่ปลอบใจตัวเอง
"... ถ้าจะให้ไม่ทุกข์จริงๆ
ก็ต้องหัดภาวนา เห็นสภาวะเกิด-ดับ ไปเรื่อยๆ
จนมันรู้ความจริงว่า สิ่งใดเกิด สิ่งนั้นก็ดับ
มันจะทนได้เยอะขึ้น"
งั้นเวลาความทุกข์ยังไม่เกิด
เคยเป็นมั้ย เวลาความทุกข์ยังไม่เกิด
กังวลว่ามันจะเกิด ใครเคยเป็นบ้าง..?
อันนี้ไม่ใช่บารมีมากหรอก
เป็นโรคทางจิตใจอย่างหนึ่ง โรควิตกกังวลนะ
ถ้าเป็นมากๆ ต้องปรึกษาจิตแพทย์นะ
ใครเป็นบ้าง..? โอ้..เป็นเยอะนะ
อยู่ดีๆนะ มันก็กังวลแล้ว
เดี๋ยวข้างหน้าต้องทุกข์อะไรอีกแล้ว..กังวล
ชาวพุทธจะไม่ได้เป็นอย่างนั้น
ชาวพุทธจะไม่ได้กังวลถึงอนาคตนะ
อะไรจะเกิดขึ้นเนี่ย กล้าหาญที่จะเผชิญกับมัน
แต่ว่าไม่ใช่ปล่อยตามยถากรรม
ทำปัจจุบันให้ดีที่สุด เท่าที่จะทำได้
แล้วอะไรจะเกิดขึ้นเนี่ย กล้าหาญที่จะเผชิญกับมัน
"ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้น
เป็นผลของกรรมเก่า บวก กับกรรมใหม่"
แล้วมันได้เท่านี้แหละ เราก็กล้าหาญที่จะเผชิญ
.
งั้นอย่างถ้าเรามีความสุข
แล้วเราก็รู้สึกว่า ความสุขไม่นานก็หายไป
อันนี้มีบุญบารมีนะ มีสติปัญญา
แต่ความทุกข์ยังไม่มา แล้วก็คิดอีกนะว่า
เดี๋ยวมันจะมาแล้ว มันจะมาแล้ว
พวกนี้เครียดไป.. กังวล
ผู้หญิงเป็นมากกว่าผู้ชาย
ผู้หญิงนะเครียดเลย
วันๆ คิดเรื่องทำมาหากิน ลำบากกว่าผู้ชาย
.
เนี่ยถ้าเรามีสติปัญญามากพอนะ
เราก็จะรู้ว่า ความทุกข์ก็ของชั่วคราว
เมื่อความทุกข์เกิดขึ้น จิตไม่หวั่นไหว
ความทุกข์ยังไม่เกิดขึ้น จิตก็ไม่กังวล
ไม่ได้กลัวว่ามันจะเกิด จนกระทั่งกลายเป็นความทุกข์
กลัวจะทุกข์ก็ทุกข์นะ กลัวจะทุกข์.. ก็ทุกข์
งั้นเรามาฝึกจิตฝึกใจตัวเองให้ดี
มาเรียนรู้ความจริงของสภาวธรรมทั้งหลาย
ที่หมุนเวียนอยู่ในใจเรา สุขก็ชั่วคราว ทุกข์ก็ชั่วคราว
เฝ้าเรียนเฝ้ารู้ไปเรื่อย
เราจะเติบโต เราจะเข้มแข็ง
แล้วเราจะเห็นโลกตามความเป็นจริง มากขึ้นๆ
ความจริงของโลกก็คือ
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ บังคับไม่ได้ (ไตรลักษณ์)
นี้ความจริงที่แท้จริง
ความจริงของธรรมะก็มีเหมือนกันนะ
ความจริงของโลกเนี่ย
ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ เป็นอนัตตา(ไตรลักษณ์)
เป็นสามัญลักษณะทั่วไป/ลักษณะทั่วไปของโลก
ของธรรมแท้ๆ มันเป็นอนัตตา
เป็นอนัตตา(ไม่ใช่ตัวตน/บังคับไม่ได้ )
ธรรมแท้ๆ เที่ยง ธรรมแท้ๆ มีความสุข
แต่เป็นอนัตตา ไม่มีเจ้าของ
อย่างนิพพานไม่มีเจ้าของ
_/|\_ _/|\_ _/|\_
วัดสวนสันติธรรม บ้านโค้งดารา อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี
วัดสวนสันติธรรม 14 มกราคม 2560
CD สวนสันติธรรม แผ่นที่ 68
File: 600114
พระธรรมเทศนาระหว่างนาที 5:08--15:07
ดาวน์โหลดไฟล์เสียงธรรมะได้ที่
Dhamma.com
.....
กราบคุณพระรัตนตรัยด้วยความเคารพอย่างสูง
กราบพ่อแม่ครูอาจารย์ ด้วยความเคารพอย่างสูงค่ะ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น