#พระคัมภีร์ล้วนเป็นแค่ประสบการณ์คนอื่น แต่การตื่นรู้ แจ้งต่อสัจจะ เป็นประสบการณ์ภายในแห่งตน ที่ไม่เกี่ยวกับคัมภีร์#
เหตุใด ท่านถึงเชื่อ ว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ และเชื่อว่า การรู้แจ้งจะนำไปสู่นิพพาน
หากท่านตอบว่า
ท่านเชื่อเพราะคนหมู่มากบอกแบบนั้น
เพราะบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก
ท่านเชื่อเพราะคนหมู่มากบอกแบบนั้น
เพราะบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก
ก็นับว่าท่าน ช่างด้อยในการใช้สติปัญญาเสียจริงๆ
แม้ว่าพระพุทธเจ้าจะตรัสรู้
แต่ท่านจะไม่มีทางรู้ว่าพระองค์ตรัสรู้อะไร
แต่ท่านจะไม่มีทางรู้ว่าพระองค์ตรัสรู้อะไร
ถ้าท่านยังไม่เป็นผู้รู้แจ้งในสัจจะนั้นเช่นกัน
สิ่งที่เป็นรูปธรรมแบ่งปันสอนกันได้
แต่นามธรรมเป็นสิ่งสอนไม่ได้ หยิบยื่นให้กันไม่ได้
มันไม่ใช่ของขวัญ มันไม่ใช่สินค้า แต่มันคือประสบการณ์ที่บุคคล ต้องค้นพบด้วยตนเองเท่านั้น
ประสบการณ์ชั่วขณะระหว่างก่อนและหลัง ตื่น นั้น
เป็นสิ่งที่ชั่วชีวิตนี้ บุคคลนั้นจะไม่ลืม และสามารถกระจ่างแจ้ง เชื่อได้ด้วยตนเองโดยไม่ใช้ พระคัมภีร์ใดๆมาอ้างอิง
"ผู้รู้แจ้งจริงๆนั้นไม่จำเป็นต้องละทิ้งสิ่งใดและไม่ต้องฝึกปฎิบัติกดข่มสิ่งใด"
ความไม่ถูกต้อง การเบียดเบียน หรือความชั่วร้าย กิเลสอะไรก็ตามที่มนุษย์สมมุติบัญญัติขึ้นมา ว่าต้องหลีกหนี
มันจะค่อยๆจากไปตามครรลองของมัน เพราะมันเผชิญหน้า
กับการ"ตระหนักรู้"ไม่ได้
กับการ"ตระหนักรู้"ไม่ได้
และ สิ่งที่สมมุติบัญญัติกันว่า"ความดี"ก็จะเข้ามา
เพราะความตระหนักรู้นี้เช่นกัน หล่อเลี้ยงความดีเอาไว้ อย่างอัตโนมัติ
ดังคำกล่าวที่สวยหรูในตำราว่า อธิศีล อธิปัญญา หรือ มหาสตินั่นเอง
+++อย่าเพิ่งปักใจเชื่ออะไรโดย ยังไม่เจอกับตน พระพุทธองค์ตรัสว่า ท่านจงมาดูเถิด นั่นหมายความว่า พระองค์สอนให้ท่านใช้ปัญญา+++
จงสงสัยให้มากๆ ไม่ใช่ความผิดบาป หรือ ทำให้ตกนรกอะไร
........................
........................
แต่จะนำไปสู่ปัญญา...และอิสรภาพ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น