- ทุกวันนี้น้อยคนจะรู้ว่าเมื่อ ๑๐๐ ปีที่แล้ว “พระป่า” หาได้เป็นที่ยอมรับนับถืออย่างกว้างขวางเช่นปัจจุบันไม่
- ตรงกันข้ามกลับถูกมองด้วยสายตาหวาดระแวง ยิ่งพระป่าสายอีสานที่เป็นลูกศิษย์ของหลวงปู่มั่น ภูริทตฺโตด้วยแล้ว ผู้ปกครองสงฆ์ในเวลานั้นถือว่าเป็นตัวปัญหาที่ต้องจัดการ หรือไม่ก็ต้องขับไล่ออกไปให้พ้นจากเขตปกครองเลยทีเดียว
- เพราะมองว่าพระเหล่านั้นนอกจากอยู่อย่างไม่เป็นหลักแหล่ง ไม่สังกัดวัดที่แน่นอนแล้ว
- ยังไม่สนใจศึกษาพระปริยัติธรรม อันเป็นนโยบายสำคัญของคณะสงฆ์ขณะนั้น
- มิหนำซ้ำยังชักชวนพระจำนวนไม่น้อยให้ละทิ้งปริยัติธรรม หันมาฝักใฝ่ ในวิปัสสนากรรมฐาน
- ซึ่งผู้ปกครองสงฆ์จำนวนไม่น้อยเห็นว่าเป็นเรื่องงมงายไม่เป็นเหตุผลตามหลักพุทธศาสนา
- เหตุการณ์หนึ่งซึ่งเป็นที่กล่าวขานกันในเวลานั้น ก็คือการขับไล่คณะศิษย์ของหลวงปู่มั่นออกจาก จ. อุบลราชธานี ในปี ๒๔๖๙
- คราวนั้น #พระอาจารย์สิงห์ขนฺตยาคโม ซึ่งเป็นศิษย์คนสำคัญของหลวงปู่มั่น นำพระป่ากว่า ๕๐ รูปเดินธุดงค์มาปักกลด ในป่าบ้านหัวตะพาน โดยมีแม่ชีและฆราวาสนับร้อยร่วมคณะมาด้วย
- เมื่อทราบข่าว เจ้าคณะมณฑลอีสาน ได้สั่งการให้เจ้าคณะอำเภอและเจ้าหน้าที่จากอำเภออำนาจเจริญ และม่วงสามสิบขับไล่ท่านเหล่านั้นออกจากป่า
- ขณะเดียวกันก็ห้ามมิให้ประชาชนใส่บาตรให้คณะธุดงค์ แต่พระอาจารย์สิงห์ปฏิเสธ ที่จะออกจากพื้นที่
- โดยยืนยันว่าท่านเป็นชาวอุบลฯ และไม่ได้ก่อปัญหาใดๆ เรื่องยุติลงได้ เมื่อเจ้าคณะจังหวัดได้มีลิขิตถึงนายอำเภอ ให้ผ่อนปรนในเรื่องนี้ หลังจากที่ได้รับการร้องขอจากศิษย์หลวงปู่มั่น อาทิ พระอาจารย์ฝั้น อาจาโร
- เจ้าคณะมณฑลอีสานท่านนี้ คือ #พระโพธิวงศาจารย์(อ้วน ติสฺโส) อย่างไรก็ตามเมื่อท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นพระพรหมมุนี ทัศนคติของท่านต่อพระป่าก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง
- ท่านหันมาศรัทธาเลื่อมใสหลวงปู่มั่นและพระป่า สาเหตุสำคัญก็เพราะท่านได้ประจักษ์ ถึงคุณค่าของสมาธิภาวนา
- ก่อนหน้านั้นท่านล้มป่วยมาเป็นเวลานาน แต่ได้รับการเยียวยาจนหายขาดจาก #พระอาจารย์ฝั้น ซึ่งไม่เพียงใช้สมุนไพร หากยังอาศัยสมาธิภาวนาในการรักษาด้วย
- และยิ่งมีศรัทธาปสาทะในกรรมฐานมากขึ้น เมื่อได้รับคำแนะนำจาก #พระอาจารย์ลี ธมฺมธโร แห่งวัดอโศการาม ซึ่งเป็นลูกศิษย์อีกท่านหนึ่งของหลวงปู่มั่น อานิสงส์ของสมาธิภาวนานั้นประจักษ์แก่ท่านอย่างชัดเจน
- จนถึงกับอุทานว่า "ตลอดชีวิตของเรา เราไม่เคยนึกมาก่อนเลยว่าสมาธิภาวนาจะมีประโยชน์ถึงเพียงนี้”
- .
- ในเวลาต่อมาท่านได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระมหาวีรวงศ์ ดำรงตำแหน่งสังฆนายก ทำหน้าที่ปกครองทั้งสังฆมณฑลตามกฎหมายคณะสงฆ์ในเวลานั้น
- ในช่วงนี้เองที่ท่านได้พบกับหลวงปู่มั่น หลังจากที่ได้ยินกิตติศัพท์ของท่านมานาน ผ่านลูกศิษย์ของท่าน
- เมื่อได้สนทนาธรรมกับหลวงปู่มั่น สมเด็จฯ อดพิศวงไม่ได้ในความลุ่มลึกแห่งธรรมของท่าน
- ขณะเดียวกันก็แปลกใจว่า หลวงปู่มั่นเข้าใจธรรมอย่างลึกซึ้งได้อย่างไร ในเมื่อท่านเรียนปริยัติธรรมน้อยมาก
- นอกจากไม่ได้เป็นเปรียญแล้ว ยังไม่สำเร็จนักธรรมเอกด้วย ในทัศนะของสมเด็จฯ คนเราจะเข้าใจธรรมได้ก็ต้องผ่านการศึกษาจากตำรา
- ตัวท่านเองก็ได้รับการศึกษา ในทางปริยัติธรรมสูงถึงระดับเปรียญโท แต่ก็ยังมีความรู้ทางธรรมไม่เท่าหลวงปู่มั่น ซึ่งครั้งหนึ่งถูกมองว่าเป็น “พระจรจัด”
- .
- ด้วยความสงสัยดังกล่าว สมเด็จฯ จึงถาม #หลวงปู่มั่น ว่าในเมื่อท่านอยู่แต่ในป่า ไม่มีตำรา จะเรียนรู้ธรรม จนสอนพระและญาติโยม ได้อย่างไร
- หลวงปู่มั่นตอบสั้นๆ ว่า “ธรรมนั้นมีอยู่ทุกหย่อมหญ้าสำหรับผู้มีปัญญา”
- .
- สมเด็จพระมหาวีรวงศ์(อ้วน ติสฺโส)
- จากหนังสือลำธารริมลานธรรม 2 เรียบเรียงโดย พระไพศาล วิสาโล
วันจันทร์ที่ 13 มีนาคม พ.ศ. 2560
พระป่า เมื่อ ๑๐๐ ปีที่แล้ว
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น