วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560

๔๕๕. โสดาปัตติมรรค.. ต่างจาก.. โสดาปัตติผล

ในภาพอาจจะมี 1 คน, กลางคืน และ สถานที่กลางแจ้ง

๔๕๕. โสดาปัตติมรรค.. ต่างจาก.. โสดาปัตติผล
  • โสดาปัตติมรรค สกทาคามีมรรค อนาคามีมรรค อรหัตตมรรค เกิดขึ้นเพียงขณะเดียวเท่านั้น แล้วจะไม่เกิดอีกเลย
  • เมื่อโสดาปัตติมรรค เกิดขึ้นดับไปแล้ว (เกิดขณะเดียว) โสดาปัตติผลต้องเกิดต่อทันที ไม่มีระหว่างคั่น
  • ไม่มีภวังค์คั่น หรือ จิตอื่นคั่น เช่นเดียวกัน สกทาคามีมรรค อนาคามีมรรค อรหัตตมรรค เกิดขึ้นและดับไป สกทาคามีผล อนาคามีผล อรหัตตผล ก็เกิดต่อทันที เป็น อกาลิโก คือ ไม่ประกอบด้วยกาล คือมรรคจิตเกิดแล้ว ผลจิต เกิดต่อทันที ต่างจากกุศลกรรมหรืออกุศลกรรมที่เราทำ ย่อมให้ผลในชาตินี้บ้าง ชาติต่อไปบ้าง
  • การที่จะบรรลุเป็นโสดาบันได้นี้ต้องมีสมาธิ มีปัญญา ละสักกายะทิฏฐิ คือความหลง ความเห็นผิดว่าร่างกาย เวทนานี้เป็นตัวเราของเรา คือ ใจของเราให้ใสสะอาดด้วยการเจริญสมาธิให้เข้าสู่การรวมที่เรียกว่า อับปนาฌาน เป็นสมาธิที่มีแต่อุเบกขาและสักแต่ว่ารู้ สมาธินั้น กิเลสความหลงต่างๆจะสงบตัวลงไปจะทำให้เห็นทุกสิ่งทุกอย่างชัดเจนตามความเป็นจริง
  • เวลาออกจากสมาธินี้มาก็ให้พิจารณากิเลสขันธ์ห้า คือรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ ว่าเป็นสภาวะธรรมเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไป ไม่มีตัวมีตน ถ้าพิจารณาได้ มรรคทุกองค์จะรวมประชุมลงเป็นหนึ่งเดียว ตัดสังโยชน์(๓ ตัวแรก)ให้ขาดสะบั้นลงไป ในขณะจิตนั้นนั่นเองคือโสดาปฏิมรรค และจะรู้ได้ด้วยตนเอง
  • เมื่อถอยออกมาทบทวนสภาวะที่เกิดขึ้น เพื่อรู้แจ้งในมรรคขั้นต้น (หรือแหวกกิเลสออกมาครั้งแรกพอจะเห็นนิพพานบ้างแล้ว) เมื่อรู้แจ้งอย่างนี้แล้ว ก็คือโสดาปฏิผล ที่ติดตามมาทันทีนั่นเองจิตก็จะบรรลุเป็นโสดาบันได้.ชั่วขณะจิตเดียว

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น